รายการชิมไปบ่นไปยังตามหลอน"พ่อครัวสมัคร"ไม่เลิก ส.ว.สรรหาหยิบคำวินิจฉัยศาล รธน.ปี 2531 ยื่น กกต.เพิ่มเติม ระบุชัดมัดตราสังข์ รัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งในบริษัทหรือองค์กรธุรกิจที่แสวงหาผลกำไรไม่ได้
สมัคร สุนทรเวช, เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ |
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา เปิดเผยที่รัฐสภาว่า ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน
พร้อมแนบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2544 เพื่อให้ตรวจสอบการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จากกรณีเป็นพิธีกรรายการชิมไปบ่นไปและรายการอื่น ของบริษัท เฟซ มีเดีย จำกัด อันเป็นบริษัทของเอกชนที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไร อันเข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 267 ที่ห้ามไม่ให้นายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์การที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไร โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญหน้า 40 ระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า "คณะกรรมการกฤษฎีกาเคยวินิจฉัยเมื่อ ปี 2531 ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เคยหารือแล้วว่า บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่ห้ามมิให้รัฐมนตรีดำรงตำแหน่งในธุรกิจเพื่อค้าหากำไรมีเจตนารมณ์จะไม่ให้รัฐมนตรีเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจเพื่อค้าหากำไรของเอกชน แม้จะไม่ห้ามไว้โดยตรงในรัฐธรรมนูญก็ตาม ดังนั้น รัฐมนตรีจะเป็นประธานกิตติมศักดิ์ไม่ได้"
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในคำวินิจฉัยหน้า 45 ระบุไว้ส่วนหนึ่ง ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 มาตรา 208 ว่า "รัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งหรือกระทำการใดตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 110 มิได้ เว้นแต่ตำแหน่งที่ต้องดำรงตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย และจะดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย"
ส่วนคำวินิจฉัยหน้า 47 ระบุไว้ส่วนหนึ่งว่า "รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ที่จะป้องกันมิให้มีการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนรวมกับประโยชน์ส่วนบุคคล โดยปิดกั้นมิให้รัฐมนตรีอาศัยอำนาจในตำแหน่งหน้าที่ไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน หรือเพื่อเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ตนมีส่วนได้เสีย หรือที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่ อีกทั้งเพื่อให้รัฐมนตรีอุทิศเวลาและทุ่มเทกำลังให้กับการบริหารราชการแผ่นดิน อันเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐธรรมนูญมอบหมายอย่างเต็มที่
"จะเห็นได้ว่า บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 267 กับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 มาตรา 208 มีข้อความว่า ที่กำหนดว่า รัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งใดในห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือองค์กรที่ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งหาผลกำไรหรือรายได้มาแบ่งปันกัน หรือเป็นลูกจ้างของบุคคลใดก็มิได้ด้วย ฉะนั้น กรณีนายสมัคร จึงสามารถนำแนวทางในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2544 มาประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งได้" นายเรืองไกรกล่าว
***ที่มา: หนังสือพิพมพ์มติชน วันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11057, หน้า 11