เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ได้ออกจดหมายเปิดผนึก ถึงนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้กำลังใจกระทรวงการต่างประเทศยืนหยัดในการพิทักษ์รักษาศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ พร้อมกับหยุดเชื่อฟังนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นคนรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
จม.เปิดผนึกพันธมิตรฯส่งถึงปลัดกต.บอยคอตนพดล
วันที่ 18 มิถุนายน 2551
เรื่อง ขอให้กำลังใจกระทรวงการต่างประเทศยืนหยัดในการพิทักษ์รักษาศักดิ์ศรีและอธิปไตยของชาติ
เรียน นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้จัดชุมนุมใหญ่มาตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 และได้ยกระดับการชุมนุมมาเป็นการขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดมาตั้งแต่วันที่ 30 พฤษภาคม 2551 โดยได้ยกเหตุผลส่วนหนึ่งในการขับไล่รัฐบาลว่า รัฐบาลมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงที่จะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดนบริเวณรอบเขาพระวิหารและน่านน้ำบริเวณอ่าวไทยตกเป็นของชาติอื่น เพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับนักการเมืองในระบอบทักษิณ
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากรัฐบาลหุ่นเชิดได้แต่งตั้งนายนพดล ปัทมะ ซึ่งเคยทำหน้าที่ทนายส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งทันทีที่ นายนพดล ปัทมะ ได้มารับตำแหน่งได้ไม่นาน กระทรวงการต่างประเทศได้คืนหนังสือเดินทางทางการทูตให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในทันที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อยู่ในฐานะผู้ต้องหาในคดีทุจริตคอร์รัปชั่นที่หลบหนีหมายจับอยู่ในต่างประเทศ อีกทั้งยังใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะประธานสโมสรฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้จงใจปล่อยให้ธงชาติไทยที่ปักชื่อของตัวเองไปปรากฏอยู่ที่สนามฟุตบอลของสโมสรตนเอง และถ่ายทอดสดออกอากาศไปทั่วโลกโฆษณาตัวเองเสมือนเป็นเจ้าของประเทศนั้น เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยจำนวนมากไม่พอใจต่อการย่ำยีเกียรติภูมิของชาติครั้งนั้นได้ แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งเคยเป็นทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็มิได้ทำหนังสือตักเตือนหรือทักท้วงดังที่ควรจะต้องปฏิบัติแต่อย่างใด ย่อมทำให้ประชาชนสงสัยและไม่สามารถไว้วางใจกับบทบาทหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศที่มีพฤติกรรมขัดกันแห่งผลประโยชน์มาอย่างต่อเนื่อง
จากกรณีที่ประเทศกัมพูชา ได้พยายามนำเรื่องปราสาทเขาพระวิหารต่อองค์การยูเนสโกเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกฝ่ายเดียวนั้น ได้ปรากฏพฤติกรรมก่อนหน้านี้ว่าประเทศกัมพูชาได้พยายามนำเสนอแผนที่ทับซ้อนเข้ามาในดินแดนของไทย ตลอดจนในความเป็นจริงนั้นก็ได้มีประชาชนชาวกัมพูชาเข้ามาตั้งถิ่นฐานเข้ามาในดินแดนของประเทศไทยแล้ว
ในขณะเดียวกันก็ได้ปรากฏเป็นข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ตัดสินใจที่จะลงทุนในเกาะกง ประเทศกัมพูชา พร้อมๆ กับมีข่าวว่าทางประเทศไทยได้นำการเจรจาพื้นที่บริเวณรอบเขาพระวิหารไปเชื่อมโยงกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลบริเวณอ่าวไทยที่มีผลประโยชน์ทางพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมหาศาล ย่อมทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในการเจรจากับประเทศกัมพูชาว่า จะทำเพื่อผลประโยชน์อธิปไตยของชาติไทยในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือ เพื่อผลประโยชน์ในการลงทุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรในประเทศกัมพูชาในฐานะลูกน้องคนสนิทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
นอกจากนั้น นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังมีพฤติกรรมไม่มีความโปร่งใสในการเจรจา ไม่แสดงความพยายามที่จะยื่นพื้นที่บริเวณรอบเขาพระวิหารต่อองค์การยูเนสโกร่วมกับประเทศกัมพูชาเพื่อป้องกันการบิดเบือนในเรื่องการปักปันเขตแดนแต่อย่างใด นอกจากนั้นยังนำแผนที่ที่ทางกัมพูชาเสนอเข้ามาใหม่ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2551 ที่ผ่านมาอย่างไม่โปร่งใส โดยยอมไม่เปิดเผยให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบแผนที่ใหม่ของกัมพูชาแต่ประการใด
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอให้กำลังใจให้กับข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยืนหยัดในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุด อย่าได้ตกเป็นเครื่องมือรับใช้นักการเมืองในการขายชาติขายแผ่นดินเป็นอันขาด
พร้อมกันนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอเรียกร้องต่อกระทรวงการต่างประเทศดังต่อไปนี้
1. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องต่อข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันผลักดันยื่นพื้นที่บริเวณรอบเขาพระวิหารต่อองค์การยูเนสโกร่วมกับประเทศกัมพูชาเพื่อเสนอเขาปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่บริเวณโดยรอบเป็นมรดกโลก เพื่อป้องกันการบิดเบือนการปักปันเขตแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา
2. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องต่อข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศให้เปิดเผยข้อมูลแผนที่ของประเทศกัมพูชา เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบโดยเร็ว ก่อนที่ประเทศกัมพูชาจะเสนอให้ปราสาทเขาพระวิหารและพื้นที่บริเวณโดยรอบเป็นมรดกโลกตามแผนที่ของประเทศกัมพูชา
3. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องต่อข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เปิดเผยความจริงต่อประชาชนชาวไทยในการเจรจาและการปักปันพื้นที่ทางทะเลของรัฐบาลไทยกับประเทศกัมพูชา เพื่อจัดสรรและแบ่งปันผลประโยชน์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย
และขอเรียกร้องให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศได้ลุกขึ้นปกป้องผลประโยชน์ของชาติไทยอย่าได้ทำตามนักการเมืองที่จะเอื้อผลประโยชน์ทางพลังงานของชาติให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรที่ลงทุนอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นอันขาด
4. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยันว่าการทำหนังสือสัญญากับนานาประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศที่จะมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย คณะรัฐมนตรีจะต้องให้ข้อมูลและจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและต้องชี้แจงต่อรัฐสภาเกี่ยวกับหนังสือสัญญานั้นตามมาตรา 190 ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศอย่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งนักการเมืองที่ไม่โปร่งใสเช่นนี้เป็นอันขาด
5. พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องและเป็นกำลังใจให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศทุกระดับ ทุกคน แสวงหามาตรการและดำเนินการอย่างจริงจังในการพิทักษ์รักษาอธิปไตยของประเทศ โดยเฉพาะการโต้แย้งแผนที่เขาพระวิหาร การยืนหยัดในแนวเขตราชอาณาจักรไทยในพื้นที่ทับซ้อนอ่าวไทย โดยขอวิงวอนให้ประสานงานกับฝ่ายทหารที่มีอำนาจหน้าที่ ยืนหยัดพิทักษ์ ปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของชาติอย่างเด็ดเดี่ยวที่สุด
6. ขอเชิญชวนข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศทั้งที่ยังรับราชการอยู่ ตลอดจนครอบครัวและญาติมิตร ได้เข้าร่วมการต่อสู้กอบกู้ฟื้นฟูชาติโค่นระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด พิทักษ์การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย.
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเป็นกำลังใจให้ท่าน ปฏิบัติภาระกิจอันสำคัญของประเทศชาติในการพิทักษ์รักษาเอกราชอธิปไตยและผลประโยชน์แห่งชาติ ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับกิจการด้านต่างประเทศเพื่อพิทักษ์รักษาเกียรติภูมิของชาติและประชาชนชาวไทยด้วยความกล้าหาญสืบไป
ขอแสดงความนับถือ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย