นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี หนึ่งในแกนนำพันธมิตร กล่าวกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิมสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดระงับสัญญาณถ่ายทอดเอเอสทีวี ทางเคเบิลทีวีจังหวัดต่างๆ ว่า ศาลปกครองสูงสุดเคยพิพากษาแล้วว่า เอเอสทีวีสามารถออกอากาศได้ ดังนั้น คำสั่งของร.ต.อ.เฉลิม นอกจากจะขัดรัฐธรรมนูญ ในการจำกัดสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนแล้ว ยังผิดกฎหมายมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอีกด้วย ซึ่งทันทีที่ ร.ต.อ.เฉลิม หรือผู้ว่าราชการจังหวัดคนใดปิดเอเอสทีวี จะมีประชาชนที่เคยรับชมเอเอสทีวี ออกมาร้องต่อศาลปกครองเพื่อเอาผิดอย่างแน่นอน ทั้งนี้ นอกจากจะทำความผิดตามกฎหมาย 100% แล้ว ยังทำผิดพลาดในแง่จิตวิทยาอีกด้วย ที่ไปปิดกั้นประชาชน ไม่ให้รับรู้ความเคลื่อนไหวของพันธมิตร หากประชาชนไม่สามารถรับชมทางบ้านได้ เขาจะลุกฮือออกมาชุมนุมกับเราบนท้องถนน
“พฤติกรรมเช่นนี้เป็นนิสัยของร.ต.อ.เฉลิม กำลังลุแก่อำนาจ ใช้อำนาจเผด็จการ ทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่รู้ตัวว่าสิ่งเหล่านี้จะย้อนกลับไปทำลายตัวเองในที่สุด” นายสนธิกล่าว
พันธมิตรเตรียมยกพลบุกบ้านเหลิม
นายยุทธิยงค์ ลิ้มเลิศวาที ผู้ดำเนินรายการเอเอสทีวี กล่าวบนเวทีพันธมิตรถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการทางกฎหมายกับสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีกับเคเบิลท้องถิ่นว่า ขณะนี้หลายจังหวัดได้มีความพยายามแทรกแซงสัญญาณเอเอสทีวี จึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนที่ไม่ได้ดูทีวีมาชุมนุมที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ หรือหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงต่อผู้ว่า ทั้งนี้แนะนำให้ประชาชนแจ้งความเอาผิดกับร.ต.อ.เฉลิม ข้อหาละเมิดสิทธิการรับรู้ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ มีการประกาศข้อความจากพันธมิตรพัทลุง หาอาสาสมัคร 700 คน เพื่อร่วมเดินทางไปยังบ้านพักย่านบางบอน ของร.ต.อ.เฉลิม ค่ำวันที่ 13 มิถุนายนนี้
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร กล่าวว่า การกระทำของ ร.ต.อ.เฉลิมเข้าข่ายละเมิดรัฐธรรมนูญและท้าทายคำสั่งศาลปกครองที่ให้คุ้มครองการออกอากาศของเอเอสทีวี ในขณะที่เจ้าหน้าที่บางจังหวัดก็มุ่งจะเอาใจนายสั่งตัดสัญญาณถ่ายทอด ทั้งที่ยังไม่ได้คุยกับสมาคมเคเบิลทีวี ดังนั้นเชื่อว่าจะมีประชาชนบางจังหวัดที่ออกไปประท้วงหน้าศาลากลางจังหวัดแน่นอน
สมาคมเคเบิลทีวีบุกพบมท.1 จันทร์นี้
นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศ กล่าวว่าในระหว่างการประชุมคณะกรรมการสมาคมจากทั่วประเทศ ที่สวนนงนุช ระหว่างวันที่ 13-14 มิถุนายน เกี่ยวกับเรื่องที่มีกระแสข่าวว่า รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยได้ออกมาประกาศว่าจะให้เคเบิลทีวีหยุดแพร่ภาพสัญญาณของ เอเอสทีวี ซึ่งในความจริงเป็นอย่างไร เรายังไม่ทราบแน่ชัด พวกเราคงยังทำตามไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามประชาชนอย่างไร เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่ต้องการที่จะชมช่องสัญญาณของเอเอสทีวี หากปิดไป สมาชิกคงจะยอมและทางเราไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้
ดังนั้น หาก รมว.มหาดไทยจะให้หยุดแพร่ภาพจริงๆ จะต้องทำหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ชัดเจน เพื่อที่เราจะได้ตอบคำถามต่อประชาชนได้ว่า หยุดแพร่ภาพเพราะอะไร ซึ่งในวันจันทร์ 16 มิถุนายน คณะกรรมการสมาคมจะเดินทางไปพบรมว.มหาดไทย เพื่อสอบถามความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว
เคเบิลอีสาน-ใต้ ยืนกรานเผยแพร่ต่อ
นายสุรัตน์ พิพัฒน์ไชยศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ขอนแก่นเคเบิล เน็ตเวิร์ค จำกัด หรือเคทีวี ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นรายใหญ่ใน จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ยิ่งรัฐบาลสั่งปิดก็ยิ่งเป็นผลร้ายต่อรัฐบาลเอง เพราะเมื่อมีคำสั่งระงับการเผยแพร่ภาพ คนไทยก็อาจจะรู้สึกสงสารกลุ่มพันธมิตรมากขึ้น และอาจจะกลายเป็นว่ารัฐบาลไปรังแกกลุ่มพันธมิตร
นายบำรุง วสันตกรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคซีทีวี จำกัด จ.นครราชสีมา และที่ปรึกษากิตติมศักดิ์สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่จะมาปิดรายการนั้นอาจจะผิดกฎหมาย เนื่องจากมี พ.ร.บ.คุ้มครองสื่อ รวมถึงผู้บริโภคด้วยและการที่รัฐยิ่งปิดทำให้เกิดข้อขัดแย้งตามมา เริ่มจากการตั้งข้อสงสัยจากประชาชนในการงดแพร่ภาพ จนอาจเกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลและกระแสการเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรอาจจะมากขึ้น
ด้านผู้ประกอบการเคบิลรายหนึ่งในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เปิดเผยว่าในส่วนของเคเบิลท้องถิ่นภาคใต้นั้น จะเดินหน้าถ่ายทอดสัญญาณจากเอเอสทีวีต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลข่าวสารเปรียบเทียบระหว่างฟรีทีวี กับทีวีที่ต้องขวนขวายหามาดูเอง ที่สำคัญคือเชื่อว่าประชาชนไม่ใช่คนโง่อีกต่อไปแล้ว ยืนยันว่าจะไม่มีการถอดสัญญาณออกอย่างแน่นอน และถ้ามากดดันและใช้มาตรการทางกฎหมายที่ลักลั่นไม่เป็นธรรม ตนจะฟ้องผู้รับบริการเคเบิล ซึ่งเกือบ 100% เป็นคนใต้ เชื่อว่าคนดูคงไม่ยอมแน่ และจะเล่นงานทางกฎหมายกลับด้วย
ส.ว.เตือน มท.1 ขัด รธน.ระวังเก้าอี้หลุด
นายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศห้ามเคเบิลทีวีถ่ายทอดเอเอสทีวีว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 45 การที่จะปิดสถานีวิทยุ โทรทัศน์ หรือสื่อต่างๆ ไม่สามารถทำได้ ถ้าหากจะทำต้องมีกฎหมายเฉพาะเรื่องเท่านั้น แต่กฎหมายฉบับนั้นยังไม่มีผลบังคับใช้ หากรัฐมนตรีทำเช่นนี้จริง ถือว่าเป็นการแทรกแซงสื่อ ถ้า ร.ต.อ.เฉลิมคิดว่าทำได้ ให้รีบทำอย่ารอช้า เดี๋ยวจะถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเชื่อว่าจะมีผลกระทบต่อ รมว.มหาดไทยเอง ถึงขั้นต้องออกจากตำแหน่ง
“ถ้าอยากรีบทำให้สั่งการผู้ว่าฯ ได้เลย ถ้าสั่งการแล้วอย่าลืมส่งสำเนาเอกสารไปให้เอเอสทีวีด้วย สื่อจะได้ช่วยเผยแพร่ข่าวออกไป หรือว่าจะส่งสำเนามาที่วุฒิสภาก็ได้ เราจะได้ช่วยขยายข่าวนี้ให้”นายวรินทร์กล่าว