เวลา 18.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า
หลังจากประกาศมาตรการอารยะขัดขืนชุดที่ 1 แล้วถือว่าพันธมิตรฯประสบความสำเร็จ เพราะมีข้าราชการ เช่น นายสุนัย มโนมัยอุดม เข้าฟ้องร้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายกรณีการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ได้รับข้อมูลจากข้าราชการหน่วยงานต่างๆ ในประเด็นการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมของนักการเมือง เช่น ความไม่ชอบมาพากลของการเอื้อประโยชน์แก่นายยงยุทธ ติยะไพรัช กรณีที่ถูกใบแดง
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสำคัญจากก.ล.ต.ที่พบความผิดปกติของการแก้ไขสัญญาของบริษัทเอไอเอส
ในสมัยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ ทำให้รัฐเสียประโยชน์เป็นหมื่นล้าน โดยข้อมูลดังกล่าวมีหลักฐานที่บริษัทเอไอเอสรายงานความผิดพลาดต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีข้อมูลการไม่ปฏิบัติหน้าที่ปกป้องดินแดนของกระทรวงการต่างประเทศ ทำให้ประเทศกัมพูชามีการรุกคืบกินอาณาเขตของไทยเข้ามากว่า 10 เมตร โดยที่ทางการไทยและกระทรวงการต่างประเทศไม่มีการโต้แย้งใดๆ และข้อมูลความพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาลของนักการเมืองใหญ่ ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯได้ข้อมูลมาก่อนที่จะเป็นข่าว แต่ไม่สามารถเปิดเผยบนเวทีได้เพราะยังไม่มีการตรวจสอบข้อมูล ทั้งนี้จะนำข้อมูลทั้งหมดมาเปิดเผยบนเวทีในวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย.และวันเสาร์ที่ 14 มิ.ย.นี้
"ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยเกื้อหนุนทำให้สังคมและประชาชนเข้าใจเหตุผลของการชุมนุมยืดเยื้อพักค้างมากขึ้น เพราะขณะนี้ระบอบการตรวจสอบกลไกต่างๆ ในรัฐบาลหุ่นเชิดไม่ทำงาน ทำให้ต้องสร้างพื้นที่ใหม่ทางการเมืองเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองของประชาชนขึ้น ขณะนี้ถือว่ารัฐบาลกำลังนับถอยหลังรอวันยุบสภา" นายสุริยะใส กล่าว