บ่ายวานนี้ (9 มิ.ย.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.
แถลงสรุปผลงานของ กกต.ว่า แม้ กกต.ชุดนี้จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ 1 ปี 9 เดือน แต่คิดว่าสถานการณ์การเมืองการปกครองประเทศขณะนี้ไม่แตกต่างจากช่วงที่เพิ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ จะเห็นว่าแม้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง มีรัฐสภาแล้ว แต่การเมืองก็อยู่ในภาวะที่ไม่นิ่ง กกต.ทำหน้าที่ในการคัดสรรกลั่นกรองบุคคลเข้ามามีหน้าที่ทางการเมือง จึงเป็นเรื่องยากที่จะรอดพ้นภาวะและแรงกดดันต่างๆ แต่ขอยืนยันแทน กกต.และพนักงาน กกต.ว่าไม่ว่าจะก้าวเข้าสู่ปีไหนๆ กกต.ก็จะยึดหลักธรรมาภิบาล และยึดหลักสุจริตเที่ยงธรรมตลอดไป
ช่วงที่ผ่านมามีสื่อบอกว่าตนหลบไม่ยอมให้ข่าว แต่ช่วงนี้ตนเห็นว่าสถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย จึงไม่ค่อยอยากออกมาพูดอะไร เพราะจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้มันวุ่นวายไปอีก จึงขอสงบปากสงบคำไว้ดีกว่า พูดให้น้อย ให้บ้านเมืองพ้นสภาวะตึงเครียดไปก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงแนวคิดการสับเปลี่ยนงานกันภายใน กกต. นายอภิชาตกล่าวว่า เราก็พูดกันอยู่ แต่เรื่องใครจะรับผิดชอบอะไรไม่สำคัญเท่ากับที่เราถึงกันก็พอ
ตอนแรกคิดว่าจะเข้ามาอยู่เพียงแค่ 2 ปี แต่ก็มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้อยู่ 7 ปี ถ้าอยู่จริงก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ขณะนี้ก็เริ่มไม่แน่นอนอีกแล้ว เพราะจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่รู้ว่าจะให้ กกต.อยู่ต่ออีกกี่ปี อย่างไรก็ตาม กกต.ไม่ได้ให้ความสำคัญหรือเตรียมตัวอะไร เพราะจริงๆแล้วรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผลการทำประชามติก็เป็นตัวบอกแล้วว่าควรจะมีการแก้ไขแล้วหรือยัง เราเสียเงินไปเยอะ แล้วใช้ไม่นาน ตนไม่เห็นด้วย จึงคิดว่าการริเริ่มแก้ไขขณะนี้เร็วเกินไป แต่ไม่ว่าจะแก้ออกมาอย่างไรก็ไม่รู้สึกกังวล เพราะเราไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์ เงินเดือนที่ได้รับก็น้อยกว่าเป็นผู้พิพากษาเสียอีก