นายสุริยะใสให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากมียุทธศาสตร์ดาวกระจายไปที่ คตส.เพื่อให้กำลังใจ
ที่ถนนพระราม 6 ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ตำรวจได้อำนวยความสะดวกไม่มีการกีดขวาง และประชาชนจากที่บ้านและจากที่ชุมนุมไปสมทบหลายพันคน ชี้ให้เห็นว่าสังคมไทยเป็นภูมิคุ้มกันอย่างดีให้ คตส.ทำหน้าที่ตรวจสอบ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่าย
''คาดว่าเวลาไม่ถึงเดือนคงจะได้เห็นผลงานความคืบหน้า ส่วนมาตรการดาวกระจายครั้งต่อไปนั้นจะเป็นที่ไหน จะมีการหารือกันในคืนนี้ คาดว่าน่าจะเป็นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ สำหรับการประกาศอารยะขัดขืน ที่จะประกาศในเวลา 18.00 น. (วันที่ 9 มิถุนายน) นั้น ขอเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากต้องการร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีในโอกาสครบรอบ 62 ปี ของการเสด็จขึ้นครองราชย์ของในหลวง โดยผู้ชุมนุมทั้งหมดจะร่วมจุดเทียนและร้องเพลงสดุดีมหาราชาในเวลาประมาณ 20.00 น.'' นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวยืนยันว่าในวันที่ 10 มิถุนายน เวลา 18.00 น. จะมีการประกาศอารยะขัดขืนอีกครั้งแน่นอน
จะมีหลายระดับความรุนแรง ตั้งแต่เบาสุดไปจนถึงขั้นสูงสุด แต่ไม่ถึงขั้นไม่จ่ายภาษี ปิดน้ำปิดไฟ หรือทำให้เกิดจลาจล ขั้นรุนแรงแน่ ขอยืนยันยังยึดมั่นในแนวทางสันติวิธีและอหิงสา และขอแสดงจุดยืนการต่อสู้อย่างยืดเยื้อ
''สังคมอาจมองว่าระบอบทักษิณตายแล้ว แต่ข้อเท็จจริงนั้นตรงกันข้ามระบอบทักษิณยังไม่ตาย กลุ่มพันธมิตรจึงจำเป็นต้องชุมนุมยืดเยื้อเพื่อตีแผ่และเปิดโปง เชื่อว่าในระยะยาวพี่น้องประชาชนทั้งหลายจะเข้าใจกันดีในสิ่งที่พันธมิตรทำ เสียสละยอมเปลืองตัวเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตยให้เข้าที่เข้าทางและเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่'' นายสุริยะใสกล่าว
นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า จากการที่กองปราบปรามยืนยันจะขออนุมัติหมายจับจากศาลเพื่อดำเนินคดี คตส.หมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น
ขอทวงถามมโนธรรมสำนึกจากพรรคร่วมรัฐบาล 5 พรรค โดยเฉพาะนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภาทมิฬก็ตัดสินใจให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี มาครั้งนี้พรรคร่วมรัฐบาล 5 พรรค เป็นตัวแปรสำคัญ หากตัดสินใจออกจากการร่วมรัฐบาลก็จะทำให้การเมืองหลุดออกจากวิกฤตได้
''ที่ทวงถามมโนธรรมสำนึกวันนี้ หวังว่านายบรรหารคงไม่ตัดสินใจผิดพลาดเป็นครั้งที่ 2 เพราะวันนี้ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลนอมินีชัดเจนว่าได้บิดเบือนสัญญาประชาคม ที่เป็นเงื่อนไข 5 ข้อของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าการแทรกแซง คตส. หรือการเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เป็นต้น ชัดเจนว่าพรรคพลังประชาชนอยู่เบื้องหลังและบิดเบือนสัญญาประชาคม ดังนั้น ถึงเวลาหรือยังที่จะตัดสินใจเพื่อชาติ'' นายสุริยะใสกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจะหยุดการชุมนุมหรือไม่ นายสุริยะใสกล่าวว่า ถ้าทั้ง 5 พรรคถอนตัว ต้องติดตามต่อไปว่ายังจะเป็นรัฐบาลนอมินีคนเดิมหรือไม่ แต่ถ้าหากมีการนำไปสู่การยุบสภาจริง โอกาสที่การชุมนุมจะพักชั่วคราวหรือถอย ก็เป็นไปได้สูง แต่ตอนนี้ขอถามจุดยืนของพรรคร่วมรัฐบาลก่อน