คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน คณะกรรมการคตส. กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชน กล่าวโจมตีว่า
อยู่เบื้องหลังกลุ่มพันธมิตร โดยบริจาคเงิน 1 แสนบาทให้กลุ่มพันธมิตรว่า ยอมรับว่ามีคนฝากเงินจำนวนดังกล่าวผ่านตนจริง เพราะไม่สะดวกที่จะบริจาคด้วยตนเอง ตนจึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปบริจาคแทน เรื่องนี้ผิดกฎหมายอย่างไรไม่ทราบ และไม่ใช่เงินส่วนตัวด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มติดตามปฏิรูปการเมืองและต่อต้านคอร์รัปชั่น เครือข่ายแนวร่วมประชาธิปไตย ขับไล่เผด็จการ ระบุว่า
ร่ำรวยผิดปกติโดยสร้างบ้านบนที่ดินกล่า 12 ล้านบาท คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า ไม่ได้ร่ำรวยมาจากไหน เพราะที่ดินผืนดังกล่าวได้มาตั้งแต่สามียังไม่ขอ โดยมีโฉนดที่ดินอย่างชัดเจน และขณะนี้โฉนดดังกล่าวยังติดจำนองอยู่ที่ธนาคารแห่งหนึ่ง เนื่องเอาไปจำนองกู้เงินเพื่อสร้างบ้าน คนที่ทำงานราชการมากว่า 40 ปี จะไม่ให้มีเงินเก็บบ้างเลยหรืออย่างไร แต่บ้านที่อยู่กู้เงินมาสร้าง โดยธนาคารจะให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษแต่ไม่รับ เพราะอยากให้ดำเนินการเหมือนลูกค้ารายอื่น
“ที่บ้านดิฉันก็ไม่ได้มีฐานะยากจน และไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหร่ ใครจะเอาไปฟ้อง ป.ป.ช.ก็ไป ดิฉันพร้อมที่จะไปชี้แจงให้ข้อมูล เพราะมันไม่มีอะไร ที่ผ่านมาเคยมีคนหิ้วเงินมาให้ตั้ง 100 ล้านบาท ดิฉันยังไม่รับ ซึ่งใครๆ ก็หาว่าดิฉันโง่ ไม่ใช่แค่มารับเงินแค่ 3-4 หมื่น” คุณหญิงจารุวรรณ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาว่า
เอาลูกชายมาเป็นเลขาส่วนตัวนั้น คุรหญิงจารุวรรณ กล่าวว่า ทำไมต้องมาตรวจสอบแต่ตนคนเดียว เพราะคนอื่นๆ ก็ทำกัน ไม่ว่าจะเป็นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีต สนช.ที่ให้ลูกสาวมาเป็นเลขาฯ รวมถึงนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ก็ให้น้องภรรยามาเป็นเลขาเช่นเดียวกัน ซึ่งตำแหน่งนี้ก็ต้องเลือกคนที่ไว้ใจได้ การให้โอกาสคนที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตผิดด้วยหรือ ซึ่งลูกชายก็ไม่ได้ตกงานแต่อย่างใด เป็นถึงวิศกร
คุณหญิงจารุวรรณ กล่าวถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเดินทางมาให้กำลังใจ 11 กรรมการ คตส.ว่า
ตอนแรกตั้งใจจะเปิดห้องประชุมให้ ซึ่งรับรองได้เพียง 3-4 ร้อยคนเท่านั้น เกรงว่าจะไม่เพียงพอ จึงได้จัดบริเวณด้านหน้าอาคารสำนักงาน สตง. รองรับแทนซึ่งจะสะดวกมากกว่า พร้อมทั้งเตรียมขนมไว้รองรับด้วย