เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯว่า
พรรคประชาธิปัตย์ได้เคยทักท้วงไปแล้ว แต่คำตอบที่ได้รับก็ไม่ได้สร้างความเชื่อมั่นมากนัก และปัญหาการโยกย้ายมักอ้างกฎหมายว่าอยู่ในอำนาจที่กระทำได้ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีความผิดปกติมากๆก็จะเป็นปัญหาได้ จึงอยากให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบไปฟ้องศาลปกครอง น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการใช้อำนาจหน้าที่ของตำรวจ ในการดำเนินการกับฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล จะทำให้รัฐตำรวจกลับมาครอบงำสังคมไทยหรือไม่นั้น เวลานี้คงมีความพยายามเช่นนั้น เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าบางคนเมื่อมีอำนาจก็คิดว่าจะนำทุกกลไกมาใช้เป็นของตัวเอง เป็นจุดที่สังคมเป็นปัญหาทุกวันนี้ จึงอยากให้ลด ละ เลิก เพราะจะทำให้รัฐบาลทำงานตามวิถีทางประชาธิปไตยได้เต็มที่
และขอฝากไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณว่าต้องทำตัวเหมือนคนอื่น ที่ต้องพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
และพร้อมพิสูจน์ตัวเอง อย่าใช้วิธีที่ไม่ถูกต้อง จะดีสำหรับบ้านเมืองและน่าจะดีที่สุดสำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนข้อเสนอของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เสนอให้คณะอดีตนายกฯมาปรึกษาหารือกันเพื่อหาทางออกจากวิกฤติการเมืองนั้น คิดว่าสามารถพูดคุยระดมความเห็นกันได้ แต่ไม่ทราบว่าใครจะเป็นเจ้าภาพ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่จะมีการเปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญในวันที่ 9 มิ.ย.นี้ว่า
สิ่งที่อยากเห็นและคาดหวังคือ ฝ่ายรัฐบาลจะยื่นญัตติให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2550 ตามที่ได้ตกลงกันไว้ และหวังว่าภายในวันที่ 10 หรือ 11 พ.ค.นี้ ทั้งคณะกรรมการประสานงาน (วิป) พรรคร่วมรัฐบาล วิปฝ่ายค้าน และประธานสภาฯ จะหารือและตกลงกันว่า จะพิจารณาญัตติดังกล่าวเมื่อใด จะตั้งกรรมาธิการกี่คน และจะทำอย่างไรให้คนนอกเข้ามามีส่วนร่วมได้ ส่วนตัวยังเชื่อว่า ตรงนี้จะเกิดขึ้นแล้วมาช่วยแก้ไขปัญหากันต่อไป เรื่องนี้ยังเป็นประเด็นที่จะมีการพูดคุยกันต่อ เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านจะยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ในการประชุมสภาสมัยนี้ นายอภิสิทธิ์ตอบว่า ฝ่ายค้านได้ติดตามข้อมูลการทำงานมาโดยตลอด และจะประเมินกันว่าถึงเวลาและมีเงื่อนไขเหมาะสมที่จะยื่นญัตตินี้หรือไม่
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การดำเนินการของรัฐบาลในความพยายามใช้อำนาจรัฐเข้าไปตามล้างตามเช็ดบุคคลและองค์กรที่กำลังดำเนินคดี ที่เกี่ยวข้องกับอดีตนายกฯทักษิณว่า
ขณะนี้กระบวนการยุติธรรมไม่ว่าจะเป็นตำรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ต่างถูกแทรกแซงอย่างเห็นได้ชัดเจน หลายกรณีถูกใช้เป็นเครื่องมือ โดยเฉพาะตำรวจที่มีคดีความเกี่ยวข้องกับอดีตผู้นำ จะดำเนินการด้วยความล่าช้า แต่คดีที่เกี่ยวกับคดีหมิ่นประมาทธรรมดา ปรากฏว่าตำรวจกลับรีบออกหมายจับ และยกกำลังไปล้อมจับถึงสนามบิน ถือเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบมาพากล เหมือนกับได้รับคำสั่ง หรือมีใบสั่งมาให้ดำเนินการในลักษณะนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังใช้อำนาจรัฐเข้าไปล้างแค้นบุคคลองค์กรที่ทำหน้าที่ในการพิทักษ์ความยุติธรรม ในยุคที่ระบอบทักษิณครองเมือง เชื่อว่าถ้ารัฐบาลยังไม่หยุดใช้อำนาจรัฐโดยไม่เป็นธรรม ก็จะมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน