นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับกรณีของนายจักรภพ ในคดีหมิ่นเบื้องสูงนั้น ทางเจ้าหน้าที่กองปราบปราม อยู่ในระหว่างขั้นตอนการติดตามให้มารายงานตัว ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งแตกต่างการกรณีของนายสุนัย เพราะยังไม่มีการออกหมายเรียกและเป็นเพียงขั้นตอนการรับทราบขอกล่าวหา ดังนั้นการออกมาพูดของแกนนำพันธมิตรฯจึงฟังไม่ขึ้น และการออกหมายจับเป็นอำนาจของศาลไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะไปรังแกใครได้ หากพันธมิตรฯเห็นว่าไม่อยากให้มีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ ก็ขอให้เสนอกฎหมายยกเว้นการดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ แต่กระบวนการยุติธรรมคงไปเลือกปฏิบัติกับใครไม่ได้
ตร.ออกหมายจับสุนัยเป็นไปตามขั้นตอนกม.
วันนี้ (7 มิ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่พรรคพลังประชาชน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในฐานะคณะทำงานติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงการออกมาระบุของแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ระบุว่า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติกับนายสุนัย มโนมัยอุดม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กับนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีมาตรฐานที่แตกต่างกันนั้น ว่า ไม่เป็นความจริงและไม่ตรงกับข้อเท็จจริง โดยกรณีของนายสุนัย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายเรียกถึง 2 ครั้ง แต่นายสุนัยไม่ไปรายงานตัว ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องขออำนาจศาล ในการออกหมายจับ ซึ่งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม นายสุนัยไม่มีสิทธิที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องเลือกปฏิบัติ จึงต้องดำเนินการเหมือนประชาชน 63 ล้านคน ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนปกติ
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับกรณีของนายจักรภพ ในคดีหมิ่นเบื้องสูงนั้น ทางเจ้าหน้าที่กองปราบปราม อยู่ในระหว่างขั้นตอนการติดตามให้มารายงานตัว ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งแตกต่างการกรณีของนายสุนัย เพราะยังไม่มีการออกหมายเรียกและเป็นเพียงขั้นตอนการรับทราบขอกล่าวหา ดังนั้นการออกมาพูดของแกนนำพันธมิตรฯจึงฟังไม่ขึ้น และการออกหมายจับเป็นอำนาจของศาลไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะไปรังแกใครได้ หากพันธมิตรฯเห็นว่าไม่อยากให้มีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ ก็ขอให้เสนอกฎหมายยกเว้นการดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ แต่กระบวนการยุติธรรมคงไปเลือกปฏิบัติกับใครไม่ได้
นายจตุพร กล่าวว่า สำหรับกรณีของนายจักรภพ ในคดีหมิ่นเบื้องสูงนั้น ทางเจ้าหน้าที่กองปราบปราม อยู่ในระหว่างขั้นตอนการติดตามให้มารายงานตัว ในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ เพื่อไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งแตกต่างการกรณีของนายสุนัย เพราะยังไม่มีการออกหมายเรียกและเป็นเพียงขั้นตอนการรับทราบขอกล่าวหา ดังนั้นการออกมาพูดของแกนนำพันธมิตรฯจึงฟังไม่ขึ้น และการออกหมายจับเป็นอำนาจของศาลไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะไปรังแกใครได้ หากพันธมิตรฯเห็นว่าไม่อยากให้มีการดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ ก็ขอให้เสนอกฎหมายยกเว้นการดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ แต่กระบวนการยุติธรรมคงไปเลือกปฏิบัติกับใครไม่ได้