พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าววานนี้ (6 มิ.ย.) กรณีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ( คตส.)
กำลังถูกอำนาจรัฐเล่นงานกลับ และต้องการให้อดีต คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หาทางช่วยเหลือว่า แนวคิดหลักในการที่องค์กร เช่น คตส. จะทำงานก็คือความอิสระ เป็นองค์กรอิสระที่จะทำได้ตามกรอบกฎหมาย และอำนาจหน้าที่ที่ตนเองมี ถ้าทำไปตามนั้นแล้ว มันจะได้ความศักดิ์สิทธิ์ และมีความชอบธรรมที่จะทำงาน ถ้ามีใครพยายามที่จะไปอ้างว่าเป็นหน่วยงานของตัวเอง ความศักดิ์สิทธิ์ขององค์กรเช่น คตส.ก็อาจจะมีผลกระทบในการทำงานของเขา
"ในเมื่อต้องนำคดีขึ้นสู่ศาล ความเห็นของตนคือเขาก็ทำงานไปตามขอบเขตภารกิจหน้าที่เขา ถ้ามีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องก็อยู่ที่กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมต้องว่ากันไปตามนั้น มีความเห็นเช่นนั้น" ผู้บัญชาการทหารบกกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลายฝ่ายในสังคมควรจะให้กำลังใจ คตส.หรือไม่
เพราะอาสาเข้ามาทำงาน โดยที่ตัวเองไม่จำเป็นต้องมาทำก็ได้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า เท่าที่ประเมิน คิดว่าเขามีความตั้งใจที่จะทำตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายท่านทำเต็มที่อยู่แล้ว และคงจะเร่งดำเนินการให้สำเร็จลุล่วง ในการส่งฟ้องดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม ก็ทำเต็มที่อยู่แล้ว แก้ รัฐธรรมนูญ.เป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ
ต่อข้อถามว่า คตส.จะทำหนังสือมาถึงทางกองทัพ เพื่อขอให้ช่วยคุ้มครองหรือช่วยไกล่เกลี่ยในเรื่องต่างๆ ที่ยังทำให้ คตส.ติดขัดไม่สามารถดำเนินการได้
ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ขอใช้คำนี้ดีกว่าขอให้มีเรื่องมาถึงก่อนดีกว่า เพราะต้องดูว่าจะมีอำนาจหน้าที่จะทำได้ แค่ไหน การไกล่เกลี่ยยังไม่ทราบ ต้องเห็นตัวเรื่องก่อน ถ้ามีอำนาจหน้าที่ทำได้ก็จะทำให้ ให้การสนับสนุน แต่ว่าองค์กรภาครัฐทั้งหมด ถ้าโดยพื้นฐานต้องให้การสนับสนุนองค์กรเช่นนี้อยู่แล้ว การให้การสนับสนุนไม่ใช่ไปมีอิทธิพลเหนือไม่ได้
เมื่อถามว่า มีข้อห่วงใยว่าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ และยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 อาจส่งผลกระทบต่อผู้ทำหน้าที่เป็น คตส.ได้
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ประเด็นนั้นมันคงไม่ใช่เรื่องของข้าราชการประจำอย่างเราๆ เป็นหน้าที่ของรัฐสภาและฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นอำนาจนิติบัญญัติที่ต้องดำเนินการเรื่องนั้น ประชาชนก็ได้แต่เฝ้าติดตาม จะเสนอหรือออกความเห็นก็แล้วแต่ องค์กรภาครัฐก็คงจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ในส่วนนั้น