เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ซึ่งอยู่ระหว่างเดินทางเยือนยุโรปอย่างเป็นทางการให้สัมภาษณ์หลังการหารือกับนายแฟรงค์ วอลเตอร์ สไตน์ไมเออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี และพบปะกับภาคธุรกิจของเยอรมนีว่า ฝ่ายเยอรมนีเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองไทย มีการสอบถามและขอให้เล่าให้ฟัง นักธุรกิจของเขาบอกว่าต้องชลอการลงทุนในไทยเพราะสถานการณ์การเมืองที่ผ่านมาซึ่งต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ทั้งที่เดิมเขามีแนวโน้มจะเข้ามาลงทุนคิดเป็นมูลค่าหลายล้านยูโร เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่าขณะที่กระทรวงการต่างประเทศต้องทำงานหนักเพื่อสร้างความเชื่อมั่น แต่ม็อบซึ่งเป็นคนส่วนน้อยที่ไปประท้วงแล้วสื่อต่างประเทศกระจายข่าวไปทั่วโลก เป็นการส่งสัญญานที่ผิดๆ มายังต่างประเทศโดยอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอย่างนั้นซึ่งเท่ากับเป็นการทำลายชาติ
นายนพดลกล่าวว่า ตนไม่ได้เอาเรื่องนี้มาอ้างเพื่อสร้างความไม่ชอบธรรมให้กลุ่มผู้ประท้วง แต่นี่คือความจริง
จึงอยากวิงวอนให้ช่วยประเทศชาติโดยยุติการชุมนุม หรือไม่เช่นนั้นก็ย้ายไปชุมนุมในที่อื่นที่ไม่กีดขวางการจราจรและชุมนุมโดยสงบ แต่ไม่สามารถยื่นคำขาดว่าถ้ารัฐบาลยังอยู่ก็จะชุมนุมต่อไป เพราะเหมือนกับเอาประเทศเป็นตัวประกัน แกนนำทั้ง 5 คน น่าจะสำนึกว่าชาติบ้านเมืองเสียหาย จะเอาคน 60 ล้านคน เป็นตัวประกันเพื่อสนองความปรารถนาทางการเมืองของคุณได้อย่างไร อีโก้ทางการเมืองมันต้องลดลงบ้าง