ด้านพล.ต.จำลอง กล่าวถึงรัฐบาลปรับท่าทีไม่รู้ไม่เห็นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่า
ก็ดี ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ขอให้ทำจริงๆ พูดวันนี้แล้วพรุ่งนี้ทำอีกอย่าง ผู้สื่อข่าวต้องเป็นพยานด้วยว่ารัฐบาลยืนยันว่าจะทำตัวเป็นคนไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ต่อการชุมนุมของเราที่นี้ ก็ดี ส่วนการปรับรูปแบบการเคลื่อนไหวนั้น ไม่ได้ปรับอะไร เรามาอยู่เป็นวันที่ 11 แล้วเรามีเป้าหมายการชุมนุมชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้พ.ต.ท.ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และจากนี้ไปเนื้อหาบนเวทีจะเปิดโปงปัญหาของแต่ละกระทรวง เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน แสดงให้เห็นว่าทำไมเราถึงบอกว่ารัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ได้แล้ว
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า กิจกรรมต่างๆ ที่เราจัดบนเวทีนั้น มุ่งให้ความรู้กับประชาชน
ซึ่งต่อไปจะมีสถานภาพเหมือนมหาวิทยาลัยราชดำเนิน และประชาชนมาจากหลายที่หลายแห่ง สถานะความรู้ก็แตกต่างกันแต่เมื่อมารับฟังแล้วเขาจะเพิ่มพูนความรู้ขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นผลดี ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีความพยายามจะมีตัวกลางเข้ามาเจรจาระหว่างรัฐบาลกับพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่มี แต่เราก็เปิดรับอยู่เรื่อยๆ ยังไม่มีใครมาติดต่อ เราพร้อมรับข้อแนะนำ แต่ต้องนำเข้าที่ประชุม เพราะเราไม่ได้ทำคนเดียว
ต่อข้อถามถึงการย้ายพื้นที่การชุมนุม ถือว่าพันธมิตรฯ ปิดการพูดเรื่องนี้ไปได้เลย
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ไม่ได้ปิด ยืนยันอีกครั้งว่า เรามาชุมนุมที่นี้ คือ 1.มุ่งหมายที่จะรักษา 3 สถาบัน และระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.เราทำตามสถานการณ์ ถ้าสถานการณ์อย่างนี้เราต้องอยู่ที่นี่ ถ้าอีกสถานการณ์หนึ่งเราอาจจะเคลื่อนย้าย ซึ่งในอนาคตอาจจะย้ายสถานที่ชุมนุมก็ได้ แล้วแต่สถานการณ์
พล.ต.จำลอง กล่าวถึงการปิดเส้นทางจราจรด้านหลังเวทีพันธมิตรฯ ว่า ช่วง 2-3 ชั่วโมงนี้ถ้าพวกอันธพาลนั่งรถบรรทุกมาสัก 40-50 คน
ลงมาตีเราแล้วขึ้นรถกลับไปขอถามว่าใครรับผิดชอบ เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. เราต้องรักษาชีวิตที่อยู่ในนี้ จุดบริเวณด้านหลังถือเป็นจุดล่อแหลมอย่างยิ่ง เพราะเกี่ยวกับชีวิต และการปิดก็ยังเปิดใหม่ได้แล้วแต่สถานการณ์ เมื่อช่วงเช้านี้เปิดให้เฉพาะมอเตอร์ไซค์ผ่านเท่านั้น ทั้งนี้ เรื่องนี้เกี่ยวกับเรื่องชีวิต และพวกนั้นก็รวมกำลังอยู่ทุกเวลา วันละ 300-500 คน และอยู่กันใกล้นิดเดียวจะตัดสินใจมาเมื่อไรก็ได้