ทนายแม้วยอมรับเงิน17ล้านโอนเข้าบัญชีโอ๊คจริง

ทีมทนาย'แม้ว'ยอมรับเงินปล่อยกู้กรุงไทยโอนเข้าบัญชี'โอ๊ค' จริง อ้างไม่เกี่ยวข้องกับ 'ทักษิณ' เข้าไปสั่งการปล่อยกู้แต่เป็นเรื่องของการร่วมทำธุรกิจระหว่างเพื่อนตามประสาเด็กๆ จำนวน 17 ล้านบาท คตส.ชี้'พานทองแท้'ได้รับเงินมาหลังจากที่มีการปล่อยกู้แล้วแม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสั่งการปล่อยกู้เงิน แต่เงินที่โอนมา เป็นเงินที่มาจากการกระทำความผิดจึงต้องถูกตั้งข้อกล่าวหา'รับของโจร'


นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน กรณีคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มีมติส่งสำนวนการไต่สวนคดีการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับผู้บริหารในเครือกฤษดามหานคร ให้อัยการสูงสุด (อสส.) พิจารณาดำเนินคดี โดยปรากฏชื่อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ว่า ยังไม่ได้หารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณในเรื่องดังกล่าว แต่ทีมทนายความได้เตรียมต่อสู้ทุกคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณถูกตั้งข้อกล่าวหา รวมถึงตกเป็นจำเลยแล้ว
 

นายพงศ์เทพกล่าวว่า ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีความมั่นใจว่าจะสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในทุกคดี

โดยเฉพาะเมื่อเรื่องเข้าสู่กระบวนการที่เป็นกลางและไม่มีอคติ 'การทำงานของ คตส.ที่ผ่านมาสาธารณชนเห็นอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร ดังนั้น เมื่อเรื่องต่างๆ เข้าสู่กระบวนการหรือองค์กรที่ไม่มีอคติเราก็พร้อมจะต่อสู้ในทุกๆ เรื่อง แต่ที่ คตส.บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนสั่งให้กรุงไทยปล่อยกู้และมีเงินบางส่วนเข้าบัญชีคุณพานทองแท้ ชินวัตร (บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ) นั้น ยังไม่สามารถบอกได้เพราะเป็นหน้าที่ของทนายความ' นายพงศ์เทพกล่าว


นายเดช บุปผาวัลย์ ทนายความส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีการปล่อยเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า

ทีมทนายความจะมีการประชุมหารือเพื่อศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับผลการไต่สวนในคดีนี้อีกครั้งว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร เนื่องจากทราบรายละเอียดเนื้อหาคดีจากสื่อเท่านั้น ยังไม่เห็นรายละเอียดทั้งหมด นอกจากนี้คดีการปล่อยเงินกู้ของกรุงไทย ที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยได้ฟ้องร้องบริษัทกฤษดามหานครและศาลมีคำพิพากษาไปแล้วว่าให้บริษัทชดใช้ ถือว่าเรื่องน่าจะยุติแล้ว แต่การที่ คตส.หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาและทำให้เป็นประเด็นการแจ้งข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตนั้น จะทำได้หรือไม่ คงต้องดูกันอีกที


ผู้สื่อข่าวถามว่า คตส.ตั้งข้อกล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณเพราะมีข้อมูลว่าเป็นผู้สั่งการให้มีการปล่อยเงินกู้ครั้งนี้

นายเดชกล่าวว่า ใครจะพูดหรืออ้างอะไรก็ได้ แต่ยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยเข้าไปสั่งการให้มีการปล่อยกู้ และในขั้นตอนการปล่อยกู้ของธนาคารก็ต้องมีระเบียบ กฎหมาย และคณะกรรมการธนาคารต้องรับผิดชอบ จึงไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าไปสั่งการได้ง่ายและคงเป็นไปไม่ได้
 


เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณหนักใจในคดีนี้หรือไม่

นายเดชกล่าวว่า คงบอกไม่ได้ว่าท่านจะหนักใจหรือไม่ แต่ในส่วนของทนายเท่าที่พิจารณาจากข้อกล่าวหาแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และเรื่องนี้คงไม่ถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณอย่างแน่นอน


ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของนายพานทองแท้ ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหารับของโจร นายเดชกล่าวว่า เท่าที่ทีมทนายความตรวจสอบข้อมูลยอมรับว่ามีเงินจากการปล่อยกู้ส่วนหนึ่งโอนเข้ามาในบัญชีจริง แต่ดูแล้วเป็นเรื่องธรรมดามาก เนื่องจากการโอนเงินเข้ามาครั้งนี้ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เงินตอบแทนจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปสั่งการให้มีการปล่อยกู้เงินตามข้อกล่าวหาของ คตส.แต่อย่างใด แต่วัตถุประสงค์ของผู้ที่โอนเงินเข้ามาครั้งนี้เพียงแค่ต้องการฝากเงินให้เพื่อร่วมทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ซึ่งทราบมาว่ามีจำนวนประมาณ 17 ล้านบาท และธุรกิจนี้ก็มีอยู่จริง


'ยืนยันว่าการที่คุณพานทองแท้ได้รับโอนเงินเข้ามาในบัญชีไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปสั่งการให้มีการปล่อยกู้ แต่เป็นเรื่องของการร่วมกันทำธุรกิจระหว่างเพื่อนตามประสาเด็กๆ ที่อยากลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน
ซึ่งในช่วงนั้นคุณพานทองแท้เป็นคนที่มีชื่อเสียงและเป็นลูกคนรวยใครก็อยากรู้จัก อยากเข้ามาทำธุรกิจด้วย เรื่องก็มีแค่นั้นเอง การโยงประเด็นเรื่องคุณทักษิณมาหาคุณพานทองแท้ของ คตส.จึงไม่ถูกต้อง' นายเดชกล่าว

แหล่งข่าวจาก คตส.เปิดเผยว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณถูกตั้งข้อกล่าวหาในคดีนี้เนื่องจากในขั้นตอนการตรวจสอบและไต่สวนข้อมูล

คณะอนุกรรมการไต่สวนคดีนี้ ที่มีนางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ กรรมการ คตส. เป็นประธาน ได้รับการยืนยันจากหนึ่งในกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทย ว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้สั่งการให้มีการปล่อยเงินกู้ โดยในขั้นตรวจสอบข้อเท็จจริง คณะกรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยรายหนึ่งยืนยันต่อคณอนุกรรมการในชั้นการไต่สวนว่า ก่อนหน้าการประชุมเพื่อพิจารณาปล่อยสินเชื่อรายนี้ ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ์ ประธานบอร์ดบริหารขณะนั้นได้แจ้งที่ประชุมว่า ได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จาก 'บิ๊กบอส' คนหนึ่งให้ปล่อยกู้รายนี้ โดย 'บิ๊กบอส' ที่ ร.ท.สุชายเอ่ยถึงนั้น ทุกคนในบอร์ดกรุงไทยต่างเข้าใจตรงกันว่าหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ เนื่องจากเป็นคำที่ ร.ท.สุชายใช้เอ่ยถึง พ.ต.ท.ทักษิณตลอดเวลา และที่ผ่านมาธนาคารกรุงไทยได้อนุมัติสินเชื่อวงเงินขนาดใหญ่หลายครั้งที่เกี่ยวพันกับคนในครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ และผู้บริหารระดับสูงของพรรครักไทยคนหนึ่งด้วย


แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้การปล่อยสินเชื่อให้บริษัทในเครือกฤษดามหานคร ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบธนาคารกรุงไทย และธนาคารแห่งประเทศไทย

เพราะเป็นการปล่อยกู้เกินมาตรฐาน ทั้งความสามารถในการชำระคืนเงินกู้ รวมถึงวัตถุประสงค์การปล่อยสินเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เช่น ที่บริษัทอ้างว่าต้องการกู้เพื่อนำเงินไปชำระคืนธนาคารกรุงเทพ หรือรีไฟแนนซ์ 4,000 ล้านบาท แต่ธนาคารกลับอนุมัติวงเงินกู้ให้ถึง 8,000-9,000 ล้านบาท และมีข้อน่าสังเกตว่ามีการออกเช็คถึง 11 ฉบับ แทนที่จะออกเช็คฉบับเดียว


'นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกพบว่ามีเงินบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยกู้ครั้งนี้โอนเข้าไปในบัญชีของนายพานทองแท้ ทำให้หลักฐานที่ได้มีน้ำหนักมากขึ้น โดยในส่วนข้อกล่าวหาของ พ.ต.ท.ทักษิณในคดีนี้ คือ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 152 และการยักยอกทรัพย์ ส่วนนายพานทองแท้ เนื่องจากได้รับเงินมาหลังจากที่มีการปล่อยกู้แล้ว แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสั่งการปล่อยกู้เงิน แต่เงินที่โอนมา เป็นเงินที่มาจากการกระทำความผิด นายพานทองแท้ จึงต้องถูกตั้งข้อกล่าวหาเรื่องรับของโจรด้วย' แหล่งข่าวกล่าว


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์