นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าววานนี้ (13 พ.ค.)
ถึงกรณีที่กัมพูชาตีข่าวว่าประเทศไทยยกเอาเรื่องน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ มาต่อรองกับกรณีเขาพระวิหารว่า การที่เขาพระวิหารจะเป็นมรดกโลกหรือไม่ ต้องว่าตามข้อเท็จจริง โดยจะต้องไม่ให้กระเทือนกับสิทธิอำนาจอธิปไตย ส่วนเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนที่คาดการณ์กันว่า จะมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีมูลค่ามาก ก็ควรหาทางว่าจะทำอย่างไร ให้ประเทศไทย ได้ประโยชน์จากตรงนี้ เราก็มีรูปแบบของมาเลเซียเป็นตัวอย่างที่ดีในการร่วมมือกัน แต่อย่าเอามาต่อรองหรือปะปนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาออกมายืนยันว่า ไทยเสนอต่อรองเรื่องผลประโยชน์ ก๊าซธรรมชาติแลกกับเขาพระวิหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นนายกรัฐมนตรี คงต้องไปดูแล้วว่า มีใครกล้าที่จะแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในลักษณะนั้น
หรือแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆ กับเขาพระวิหาร แนวทางของไทยคือต้องเจรจาปัญหาพื้นที่ทับซ้อนของทั้งสองประเทศ ให้มีการบริหารจัดการร่วมกันก่อน ท่าทีของไทยชัดเจนว่ายินดีสนับสนุนการขึ้นทะเบียนตัวปราสาทเขาพระวิหาร แต่พื้นที่ทับซ้อนจะต้องมาบริหารจัดการร่วมกัน จะพยายามเจรจาให้ได้ ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย มั่นใจว่าจะเจรจากันได้