ทางด้านความคืบหน้าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 และกระแสข่าวลือเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารนั้น วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม นายจักรภพ เพ็ญแข รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้กล่าวเปิดการสัมมนาเรื่อง “บทบาทสื่อกับความเป็นกลาง ในยุคสังคมแตกแยก (ความคิด)” มีเครือข่าย นปก.เข้ารับฟังกว่า 400 คน โดยนายจักรภพกล่าวตอนหนึ่งว่า อยากเห็นสื่อที่เป็นกลาง ไม่มุ่งหน้าตอกลิ่มความแตกแยกเพียงอย่างเดียว
หลังจากเหตุการณ์ที่สนามหลวง ได้ส่งให้มาทำหน้าที่ในปัจจุบัน ก็ขอให้สัญญาว่า
ไม่มีวันลืม แต่เป็นเพียงยุทธวิธีว่าจะทำก่อนทำหลัง ในเมื่อที่ผ่านมาลับลวงพรางกันมาก ส่วนการปรับปรุงสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีทีนั้น จะเข้าไปมองหาเชื้อโรคที่ทำลายประชาธิปไตย เพื่อทำลายส่วนนั้นก่อน ในสัปดาห์หน้ากรมประชาสัมพันธ์ จะปรับระเบียบภายในใหม่ คือข้าราชการ พนักงานราชการและลูกจ้าง ที่มีโอกาสได้ออกสื่อทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง จะสนับสนุนการรัฐประหารไม่ได้ หากสื่อภาครัฐเชียร์ให้มีการรัฐประหาร ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม ถือว่ามีความผิดทางวินัยราชการ ส่วนสื่อเอกชนจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ปล่อยให้สังคมเป็นผู้ดูแล จับตากลุ่มจุดชนวนความวุ่นวาย นายจักรภพกล่าวว่า สื่อต้องยอมรับความจริงว่า
ไม่ได้อยู่เหนือการกำกับทางสังคม สื่อเตือนรัฐบาลได้และเตือนมาไม่หยุดจนถึงทุกวันนี้ มีรัฐบาลใดยอมให้สื่อมาติเช้าจดค่ำ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ก็มีแต่รัฐบาลประชาธิปไตยเท่านั้น จึงต้องเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ที่รักประชาธิปไตย เข้ามาในวงการสื่อมากขึ้น ไม่ใช่จำกัดอยู่ในชนกลุ่มน้อย เพราะวงการใดมีผู้เล่นน้อยราย ก็เกี้ยเซียะกัน สื่อประเภทใหม่ต้องเกิดขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกมาคานและถ่วงดุล ไม่ใช่ใครมีอำนาจก็มาถือไมค์พูดไม่สร้างสรรค์ หยาบคาย เรื่องนี้เป็นสาเหตุที่พรรคการเมืองบางพรรคเสนอยื่นถอดถอนตน
ที่ผ่านมามีสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง นำตนไปผูกตัวเองไว้กับกลุ่มผลประโยชน์ เวลาเกิดความขัดแย้งการเมือง จึงไม่คิดว่า ใครผิดถูก แต่คิดว่าใครชนะหรือแพ้เท่านั้น แต่ประชาธิปไตยไม่มีวันแพ้เป็นอันขาด วันนี้ถูกโจมตี 5 เรื่อง คือ
1.ไม่จงรักภักดีต่อสถาบัน สัปดาห์หน้าจะนำคำบรรยายที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ มาดูว่ามีถ้อยคำหมิ่นให้ประชาชนทั่วประเทศดูว่าจริงหรือไม่ 2.เป็นนายหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ 3.แทรกแซงสื่อ 4.มีพฤติกรรมส่วนตัวโอ่อ่าอลังการ 5.เป็นสายล่อฟ้า ยอมรับประเด็นหลังประเด็นเดียว ตอนนี้ขอให้จับตามองคนที่พยายามใช้ประเด็นเหล่านี้เป็นจิ๊กซอว์ต่อไปเรื่อยๆ จากกระทรวงหนึ่งไปอีกกระทรวง เพื่อหาเหตุทำการบางอย่าง ขอให้จับตาดู ผวาสื่อจุดชนวนกระตุ้นการปฏิวัติ จากนั้นนายจักรภพให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า
สื่อของรัฐจะสนับสนุนรัฐประหารไม่ได้ ถ้าสนับสนุนรัฐประหารถือเป็นการทำผิดวินัยราชการ คือเรียกร้องให้ล้มล้างระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้หมายความว่า สื่อรัฐจะไม่สามารถเสนอเนื้อหาข่าวรัฐประหารได้ เพียงแต่ห้ามเสนอเนื้อหา ในลักษณะเชียร์หรือกระตุ้นให้เกิดความคิดว่าบ้านเมืองควรมีการเปลี่ยนแปลงด้วยอาวุธหรือกำลังทหาร สาเหตุที่ต้องออกระเบียบเรื่องนี้ เพราะมีข่าวเรื่องรัฐประหารมากในช่วงนี้ หากสื่อมีจุดยืนไม่แน่นอน จะทำให้ประเทศวุ่นวายไม่รู้จบ เมื่อถามว่าสื่อหนังสือพิมพ์ ไหนบ้างที่ร่วมขบวนการรัฐประหาร นายจักรภพหันมองหน้าแล้วตอบสวนว่า “มีเยอะแยะ แต่ไม่ใช่หนังสือพิมพ์ ผมยังไม่ได้บอกว่าเป็นหนังสือพิมพ์ อย่าหาเรื่อง บอกแค่เป็นแค่สื่อเฉยๆ” นายจักรภพกล่าวถึงกระแสข่าวเป็นหนึ่งในผู้ที่จะถูกปรับออกจาก ครม.ว่า
ไม่มีปัญหา การปรับ ครม.เป็นเรื่องเล็กที่สุด นายกฯมีวิจารณญาณสูง จะปรับใครเข้าออกเป็นเรื่องธรรมดามาก หากตนเป็นผู้หนึ่งที่ถูกปรับออก ก็ยอมรับโดยดุษฎี แต่ถ้าได้ทำหน้าที่ต่อไปก็จะเดินหน้าต่อไปทุกเม็ดทุกหยด ส่วนจะปรับเล็กหรือใหญ่นั้นไม่ทราบ ต้องถามนายกฯ
จักรภพ ขู่สื่อรัฐเชียร์ ปว.ผิดวินัย
เครดิต : ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!