เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงส.ว.มีมติจะล้มเลิกแก้มาตรา 291 เพื่อให้เกิดส.ส.ร.3 ในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญว่า ที่ประชุมพรรคเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ได้หารือในเรื่องดังกล่าว เพราะเกิดความสับสน ซึ่งพรรคฝ่ายค้านอยากให้รัฐบาลทบทวนเรื่องนี้ รวมถึงท่าทีแก้ไขรัฐธรรมนูญ หากเน้นแก้เพื่อตัวเองจะนำไปสู่การสร้างวิกฤตปัญหาของบ้านเมือง หวังว่าการประ ชุมของหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคขอให้พูดคุยและทบทวนในประเด็นดังกล่าวด้วย หากพรรคร่วมรัฐบาลตัดสินใจยื่นร่างรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอต่อสภาในวันและเวลาใด ทางพรรคฝ่ายค้านจะเรียกประ ชุมส.ส.อย่างเร่งด่วนทันที
เมื่อถามว่าเมื่อแนวร่วมหายไปทางพรรคจะใช้วิธีใดเพื่อแก้มาตรา 291 นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล พรรคจะนำเรี่องนี้มาทบทวนอีกที ส่วนร่างรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้านที่จะยื่นมาประกบกับร่างของรัฐบาลนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคิดจะยื่น ต้องรอดูท่าทีของรัฐบาลก่อน หากยื่นตอนนี้อาจเป็นการส่งสัญญาณที่สับสน เสมือนว่าต้องการให้รัฐบาลแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งมันไม่ใช่เช่นนั้น หรือหากรัฐบาลจะยื่นคงต้องรอดูและพิจารณากันถึงความเหมาะสม
เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นในทางเดียวกับพรรคพลังประชาชนที่จะให้แก้ในบางมาตราโดยเฉพาะมาตรา 237 และ 309
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าเป็นไปตามร่างรัฐธรรมนูญที่มีการยกขึ้นมา มันไม่ใช่แต่เฉพาะมาตรา 237 และ 309 แต่เป็นการแก้รัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายทางการเมืองชัดเจน เพราะไม่มีการพูดและวิเคราะห์บทบัญญัติเกือบทั้งหมดของรัฐธรรมนูญ สิ่งที่ต้องการอย่างเดียวคือมีบทเฉพาะ กาลตัดแปะเข้าไป เพื่อเปลี่ยนป.ป.ช. กกต. และคตส. รวมทั้งเพิ่มคนในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งการตัดแปะที่ว่าเท่ากับลบมาตรา 237 และ 309 ไปในตัว จึงชัดว่าเจตนานี้คืออะไร
เมื่อถามว่าในที่ประชุมพรรคมีบางคนไม่เห็นด้วย และเสนอให้ไม่ร่วมสังฆกรรมหากมีการแก้รัฐ ธรรมนูญ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีการพูดในทำนองว่าต้องมีความชัดเจนว่าไม่ต้องการเข้าไปช่วยแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ทางการเมืองให้ประสบความสำเร็จ ส่วนวิธีการคงต้องพูดคุยในที่ประชุมอีกครั้งหนึ่ง แต่ทุกคนเห็นตรงกันว่าดีที่สุดคือหยุดเรื่องนี้ เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเกิดวิกฤต และรัฐบาลควรเอาเวลาไปแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน ส่วนที่พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคเริ่มมีท่าทีคล้อยตามพรรคพลังประชาชนทั้งที่ตอนแรกไม่เห็นด้วยนั้น เข้าใจว่ารัฐบาลต้องการความเป็นเอกภาพ แต่อยากย้ำพรรคร่วมรัฐบาลว่าถ้าทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อาจเป็นเงื่อนไขทำให้ประเทศชาติวุ่นวาย ซึ่งไม่เป็นผลดี
ต่อข้อถามว่าขณะนี้เกิดกลิ่นคาวการปฏิวัติ นาย อภิสิทธิ์กล่าวว่า ทุกคนต้องช่วยกันประคับประคอง เพื่อให้ประชาธิปไตยเดินไปข้างหน้า อย่าให้มีเงื่อนไข อย่าให้มีเหตุการณ์นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ไม่เป็นไปตามระบบ