วันนี้ (30 เม.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นัดตรวจสอบพยานหลักฐานคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯและคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานกระทำผิดพรบ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพ.ศ 2542 มาตรา 100 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 และ 157 กรณีที่ ทุจริต ซื้อขายที่ดินรัชดา จำนวน 4 แปลง มูลค่า 772 ล้านบาท จากกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน
โดยศาลได้พิจารณาบัญชีพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยยื่นต่อศาลแล้ว
อนุญาตให้โจทก์และจำเลยนำสืบพยานได้ตามบัญชี โดยโจทก์จะนำสืบพยาน 22 ปาก ใช้เวลา 5 นัด ขณะที่จำเลย จะนำสืบพยาน บุคคล รวม 22 ปากใช้เวลา 5 นัดเช่นกัน โดยศาลนัดวันไต่สวนพยานโจทก์วันที่ 8 ,15,22,25และ 29 กรกฎาคม เวลา 09.30 น. และไต่สวนพยานจำเลยในวันที่ 1, 5,15,19 และ 22 สิงหาคม เวลา 09.30 น.โดยศาลกำหนด วันนัดไต่สวน พยานเพิ่มเติม ไว้ด้วยในวันที่ 26 ,29 สิงหาคม และวันที่ 2 กันยายน เวลา 09.30 น.
ทั้งนี้ศาลได้นัดพร้อมคู่ความอีกครั้งในวันที่ 1 กรกฎาคม เวลา 09.30 น.เพื่อให้โจทก์และจำเลย ยื่นประเด็นและข้อเท็จจริงรวมทั้งคำถามที่จะใช้ไต่สวนพยานให้การพิจารณาก่อน
ภายหลังการตรวจพยานเสร็จ นายพิชิฏ เปิดเผยว่า
พ.ต.ท.ทักษิณ และ คุณหญิงพจมาน ยืนยันว่า จะมาให้การต่อศาลด้วยตัวเองในเดือนสิงหาคม แต่ยังไม่ระบุว่าจะเป็นช่วงเวลาใด โดยแนวทางในการต่อสู้คดี นอกจากฝ่ายจำเลยจะอ้างพยาน 30 ปากแล้ว จะชี้ให้เห็นว่า อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 ไม่สามารถเข้าไปดูแลในเรื่องกองทุนฟื้นฟูฯ ที่เกิดปัญหาได้.