จากกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้หยิบยกเรื่องที่พรรคอาจจะได้รับใบแดงอีกใบและจะนำไปสู่คดียุบพรรคครั้งที่ 2 ในรายการสนทนาประสาสมัคร ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กรมประชาสัมพันธ์นั้น ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์ วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการสร้างกระแสการเมืองอะไรหรือไม่
“ยงยุทธ” ไขก๊อกเก้าอี้ประธานสภา
เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่พรรคพลังประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานรัฐสภาและ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคพลังประชาชน ที่ถูกใบแดงจาก กกต.และเป็นตัวเชื่อมโยงที่จะนำไปสู่คดีการยุบพรรคพลังประชาชนรอบ 2 จากการที่มีนายทหารระดับ พล.อ.ไปร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าปราศรัยโจมตีทหาร ได้หารือกับคนใกล้ชิด โดยได้วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ว่า วันนี้แต่ละฝ่ายยังมีการเผชิญหน้ากัน โดยบางฝ่ายยึดเอาผลประโยชน์จากการอ้างสถาบันเบื้องสูง หรืออีกฝ่ายมีการใช้อำนาจที่ตัวเองได้เปรียบอยู่ในมือ ขณะที่อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารที่ได้มาจากประชาชนกลับอ่อนแอ ไม่เพียงพอที่จะปกป้องและคุ้มครองตนเองได้ จึงต้องการที่จะแสดงสปิริตเพื่อปกป้องสถาบันนิติบัญญัติ และสิ่งที่สำคัญที่สุดอยากที่จะให้สังคมได้เห็นว่านักการเมืองไม่ได้มุ่งจะเข้ามาแสวงหาอำนาจและผลประโยชน์ แต่มีความเป็นห่วงบ้านเมือง เมื่อมีเงื่อนไขอะไรที่ทำให้บ้านเมืองไปไม่รอด ก็พร้อมที่จะเสียสละเพื่อบ้านเมืองมาก่อน
อ้างสปิริตปกป้องสถาบันนิติบัญญัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พร้อมกันนี้ นายยงยุทธได้แจ้งให้คนใกล้ชิดว่า
คาดการณ์ว่าจะได้รับใบแดงใบที่ 2 จาก กกต. โดยมาจากการกล่าวหาของนายทหารยศพลเอก ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แต่มาร้องเรียนว่าไปปราศรัยโจมตีทหาร ทำให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยม เร็วๆนี้จะต้องไปขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อต่อสู้คดี ในสภาพเช่นนี้คิดว่าต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งที่จะแสดงสปิริตรักษา และปกป้องสถาบันนิติบัญญัติไม่ให้ถูกย่ำยีไปมากกว่านี้ การที่หัวหน้าฝ่ายนิติบัญญัติต้องไปขึ้นศาล ทั้งที่เป็นเรื่องของการกล่าวหา โดยขบวนการจัดฉาก เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น จึงตัดสินใจที่จะลาออกจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยอาจจะมีการแถลงต่อสาธารณชนในวันสองวันนี้