ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี วานนี้ (22 เม.ย.) ว่า
เมื่อเวลา 08.30 น. ณ บริเวณหน้าตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.ปรีชา ตันธนาธิป ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ได้นำคณะแพทย์ และพยาบาลสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค จำนวน 15 คน มาให้บริการฉีดวัคซีนโรคไข้หวัดใหญ่ จำนวน 250 โด๊ส ซึ่งบริจาคโดยบริษัทซาโนฟี่ แอดแวนติส ให้กับคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งฉีดให้กับเจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลด้วย เพื่อรณรงค์ป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
รมว.สธ. กล่าวว่า วัคซีนที่นำมาฉีดครั้งนี้ เป็นวัคซีนรวมที่สามารถป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์
ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ทุกประเทศฉีด คือ ชนิด เอ สายพันธุ์ โซโลมอนและบริสเบน และชนิด บี สายพันธุ์ ฟลอริดา หลังฉีดวัคซีนแล้ว 14 วัน ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกัน สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 70-90 เปอร์เซ็นต์ และหากติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่นนอกเหนือจากนี้ อาการจะมีความรุนแรงน้อยลง
"ปีนี้เป็นปีแรกที่กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นโครงการทั่วประเทศ โดยมีแผนให้บริการวัคซีนฟรีทั้งหมด 800,000 โด๊ส เน้น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้แก่ กลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ คือ เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก และเจ้าหน้าที่ที่ทำลายสัตว์ปีกที่ติดเชื้อไข้หวัดนก เพื่อป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่กลายพันธุ์ กลุ่มที่ 2 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีโรคประจำตัว 7 โรค ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งที่ต้องใช้เคมีบำบัด โรคเบาหวาน และโรคไต เนื่องจากผู้สูงอายุกลุ่มนี้ร่างกายอ่อนแอ มีความเสี่ยงสูงสุดเมื่อเทียบกับผู้สูงอายุทั่วไป โดยจะเริ่มฉีดในช่วงเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้ จำนวน 128,000 โด๊ส ก่อนถึงฤดูกาลระบาดคือฤดูฝนและฤดูหนาว" นายไชยา กล่าว
ด้านนพ.สมชัย กล่าวว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้ เพื่อลดอัตราป่วยและอัตราตายให้แก่กลุ่มเสี่ยง
และเป็นการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการจัดระบบบริการวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้สมบูรณ์แบบ เมื่อองค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้เอง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี โดยวัคซีนที่ฉีดครั้งนี้ จะมีผลในการป้องกันโรคได้ 1 ปี อาการข้างเคียงหลังได้รับวัคซีนที่อาจพบได้บ้างในบางราย เช่น มีอาการปวด บวมแดง บริเวณที่ฉีด บางรายมีไข้ รู้สึกไม่สบายตัวคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ แต่ไม่รุนแรง อาการจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน โดยไม่จำเป็นต้องกินยาแก้ปวดลดไข้ก็ได้