เมื่อวันที่ 20 เม.ย. เวลา 08.30 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
กล่าวผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์ เครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์ ว่า ขณะนี้ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลไม่ทำงานจะแก้แต่รัฐธรรมนูญ ตนไม่ถึงกับเสียใจแต่มันรำคาญใจ กลายเป็นว่าไม่ทำอะไรจะตั้งหน้าตั้งตาแก้รัฐธรรมนูญ คืองานนี้สภาเป็นคนดำเนินการ ไม่ใช่ฝ่ายบริหาร แต่ฝ่ายบริหารจะเอื้อเฟื้อเล็กน้อย เช่น จะนัดหัวหน้าพรรค 5 พรรค มาคุยให้ลงตัวเท่านั้น
แต่คนเรามันประหลาด คนที่ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญปี 2540 ทิ้งทั้งฉบับ และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ขึ้นมา 39 มาตรา
ไม่มีใครว่าเลย ทนอยู่กันได้ นักวิชาการ คนเขียนคอลัมน์หนังสือพิมพ์ ตอนนั้นไปมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่มาทักท้วง ปล่อยให้เขาทำตามใจชอบ แต่พอจะแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ กลับอ้างบอกว่าลงพระปรมาภิไธย คนที่พูด ไม่คิดหรือที่ฉีกทิ้งไปก็ลงพระปรมาภิไธย ทำไมฉีกไปได้
นายสมัครกล่าวต่อว่า เรื่องรัฐธรรมนูญขอตั้งหัวข้อ ว่า “รัฐธรรมนูญกินไม่ได้ ทาไม่ได้ แต่ว่าเป็นหัวใจของการปกครอง แล้วก็เพราะมีคนมาผูกจึงต้องมีคนจะแก้” ถ้าไม่ลืมกันไป
สมมติไม่มีการปฏิวัติก็มีคนคิดแก้ เพราะเขาบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับ 2540 ทำให้รัฐบาลแข็งแรงเกินไป แล้วทำไมต้องให้รัฐบาลแข็งแรงก็เพราะว่ารัฐบาลล้มลุกคลุกคลานมาเกือบ 60 กว่าปี ถ้าหากว่าทางฝ่ายค้านวันนั้นได้เสียงสัก 130 ก็ไม่มีเรื่องเพราะอภิปรายรัฐมนตรีได้ หรือถ้าประชาธิปัตย์มี 201 ไทยรักไทยมี 299 ก็ไม่มีปฏิวัติ แต่อยู่ที่รัฐธรรมนูญเขาได้ให้อำนาจรัฐ ไม่ถูกอภิปรายบริหาร 5 ปีบวก 1 ดีเกินไปไหม คิดโน่น คิดนี่ ตนบอกว่าถ้าไม่มีนายกฯชื่อทักษิณ ชินวัตร มาตั้ง พรรคการเมือง รัฐธรรมนูญปี 2540 ก็ยังใช้อยู่ ถ้าประชา-ธิปัตย์ได้เสียงข้างมากก็บริหารไป ใครจะขึ้นมาใหม่ก็เป็น อย่างนั้น ยาจกทั้งนั้นนี่ขึ้นมา นักการเมืองต้องเป็นยาจกทั้งนั้น ส่วนที่มีอันจะกินต้องเป็นบางคนอยู่ในพรรคแต่ ไม่ได้เป็นหัวหน้า หัวหน้าต้องเป็นยาจก แต่ไทยรักไทยหัวหน้าเศรษฐีก็มีเหตุ หัวหน้าเศรษฐีก็อาจจะคิดแบบเศรษฐี อาจจะทำอะไรต่างๆ