วันนี้ (20 เม.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์
กล่าวถึงความพยายามในการแก้รัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชนว่า เป็นความพยายามที่รีบเร่ง รวบรัดไม่ฟังเสียงคัดค้านจากสังคม ตรงนี้จะก่อให้เกิดปัญหาวิกฤติครั้งใหญ่ ทั้งๆที่รู้อยู่ว่าสังคมยังมีความแตกแยก พลังประชาชนเปรียบเสมือนเอาน้ำมันไปราดกองไฟหวังผลอะไร หากเหตุการณ์บานปลายลุกลามรุนแรงใครจะรับผิดชอบ พรรคพลังประชาชนรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย มีความรอบคอบในการแก้รัฐธรรมนูญสังคมจะได้ตกผลึก ดูรูปการพลังประชาชนยังแตกแยกเป็นหลายส่วน ความคิดของนายสมัครนายกรัฐมนตรีไม่ตรงกับลูกพรรค
ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยอมรับแล้วว่าตัวเองมีเพียงเสียงเดียวสู้เสียงข้างมากในพรรคไม่ได้
ยอมรับเช่นนี้สะท้อนว่านายสมัครขาดภาวะผู้นำ ไม่ใช่หัวหน้าพรรคตัวจริงที่จะโน้มน้าวชี้นำสมาชิกพรรคได้ การแก้รัฐธรรมนูญครั้ง ถ้าพรรคพลังประชาชนชี้ให้เห็นว่าผู้ที่ได้ประโยชน์มีอยู่ 2 ส่วนคือ 1.แก้มาตรา 237 เพื่อนายสมัครโดยตรงเขาก็ยอมรับ 2.แก้มาตรา 309 แก้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทั้งยังมีข้อปลีกย่อยในเรื่องของวาระประชาชน วาระกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งหมดเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สิ่งที่นายสมัครกังวลคือเรื่องของคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีที่หากศาลจำคุกต้องพ้นจากคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีถึงกับแสดงความรู้สึกออกมาผ่านรายการ
นายเทพไท กล่าวอีกว่าการที่นายสมัครอ้างประชามติ 58 ต่อ 42 ถามต่อว่าทำไมไม่ฟังเสียงข้างน้อย 42 เปอร์เซ็นต์
อยากถามต่อว่าหลักของประชาธิปไตยที่ป่าวประกาศตลอดเวลาว่า 58 เปอร์เซ็นต์น้อยกว่า 42 เปอร์เซ็นต์ใช่หรือไม่ การอ้างผลเลือกตั้ง 233 เสียงในการแก้รัฐธรรมนูญได้จึงเห็นว่าไม่ถูกต้อง 233 เสียงเขาเลือกมาให้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศไม่ใช่เลือกมาเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ ประเด็นที่พรรคการเมืองต่างๆ ชูขึ้นมาหาเสียงไม่มีประเด็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเลย การอ้าง 233 เสียงเป็นเหตุผลอันชอบธรรมนั้น ประชาชนยอมไม่ได้
“การแก้รัฐธรรมนูญจะเกิดความยุ่งยากไม่เฉพาะในหมู่ประชาชน ในหมู่รัฐบาลเองยังไม่มีความเห็นเป็นแนวเดียวกันดูจากกระแสแล้วยังไม่เห็นด้วยในประเด็นที่แก้ในเรื่อง 309 และวาระการดำรงตำแหน่ง กกต.การยุบ กกต.วาระ ปปช.รวมไปถึงการเพิ่มศาลรัฐธรรมนูญ จะเกิดอุปสรรคในการแก้มาก ไม่เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันซึ่งควรทอดเวลาออกไปรับฟังความเห็นให้รอบด้านมากกว่าดื้อรั้นที่จะแก้โดยลำพังไม่ฟังเสียงพรรคร่วมและประชาชน” นายเทพไท กล่าว.