DSI คุม ‘3 นอมินี’ ไชน่า เรลเวย์ฯ ฝากขังศาล

DSI สอบ 3 นอมินี "ไชน่า เรลเวย์ฯ" 10 ชม. ปฏิเสธเสียงแข็ง อ้างไม่ใช่นอมินี เมินสื่อหลังถูกฝากขัง

กรุงเทพฯ - กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) เปิดเผยผลการสอบสวน นายประจวบ ศิริเขตร นายมานัส ศรีอนันท์ และนายโสภณ มีชัย กรรมการชาวไทยทั้ง 3 รายของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเวลานานกว่า 10 ชั่วโมง โดยทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาเป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้าม และนิติบุคคลรู้เห็นเป็นใจฯ ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542

ภายหลังการสอบสวนที่ยาวนานจนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 21 เมษายน ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษเปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นแทนบริษัทไชน่า เรลเวย์ฯ และไม่ให้ความร่วมมือในการให้ปากคำเท่าที่ควร ซึ่งแตกต่างจาก นายชวนหลิง จาง กรรมการชาวจีน ผู้ต้องหารายสำคัญที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ซึ่งให้การถึง 10 หน้ากระดาษ

พนักงานสอบสวนยังระบุว่า ในระหว่างการสอบสวน กรรมการชาวไทยบางรายแสดงอาการงงกับคำถาม จนทนายความส่วนตัวต้องช่วยอธิบาย อย่างไรก็ตาม ภายหลังการสอบสวนแล้วเสร็จ ผู้ต้องหาทั้ง 3 ถูกควบคุมตัวไปยังชั้น 6 ของอาคาร DSI ก่อนนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา โดยไม่มีการยื่นขอประกันตัวในชั้นสอบสวน และพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามอบตัวด้วยตนเอง แต่ระหว่างถูกควบคุมตัว ผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ จากสื่อมวลชน

พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษก DSI เปิดเผยว่า จากการสอบสวน นายโสภณ มีชัย ให้ความร่วมมือให้การ แต่ นายประจวบ ศิริเขตร และนายมานัส ศรีอนันท์ ขอชี้แจงเป็นเอกสารภายใน 30 วัน ซึ่งการชี้แจงเป็นหนังสือจะไม่ส่งผลต่อรูปคดี แต่ทุกคำให้การจะถูกนำมาตรวจสอบ

ประเด็นสำคัญที่ DSI ต้องการทราบเพิ่มเติมคือ เรื่องการถือหุ้น กระบวนการเปลี่ยนแปลงกรรมการและผู้ถือหุ้น ที่มาของเงินลงทุน และอำนาจในการบริหาร ซึ่งข้อมูลที่ผู้ต้องหาให้การมานั้น พบว่าบางส่วนไม่ตรงกับข้อมูลที่ DSI รวบรวมได้ นอกจากนี้ DSI ยังตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดทั้ง 3 รายจึงไม่เข้าพบ DSI ก่อนที่จะมีหมายจับ ซึ่งผู้ต้องหาไม่ได้ให้คำตอบในประเด็นนี้ เพียงแต่แจ้งว่าเมื่อเห็นหมายจับจึงได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวน

ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างกรรมการชาวไทยและชาวจีนนั้น มีการให้ข้อมูลว่ารู้จักกัน โดยเฉพาะนายประจวบและนายมานัส ที่เคยทำงานกับบริษัทอื่นที่มีคนจีนเกี่ยวข้องมาก่อน ซึ่งทั้งสองไม่ได้เริ่มต้นที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ แต่เริ่มต้นที่บริษัท สันติภาพ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ส่วนผู้ที่ชักชวนให้เข้ามาเป็นกรรมการและถือหุ้นนั้น นายโสภณให้การว่าคือ นายประจวบและนายมานัส แต่คำให้การนี้ยังต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการสอบสวนนายโสภณ บางครั้งทนายความต้องช่วยอธิบายคำถาม เนื่องจากผู้ต้องหาอาจเข้าใจไม่ละเอียด นอกจากนี้ พบว่าการถือหุ้นของทั้ง 3 รายมีการเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่ปี 2561-2568 โดยมีการสลับเพิ่ม-ลดหุ้น ซึ่ง DSI กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินที่เกี่ยวข้อง ทั้งเงินลงทุนและเงินกู้ยืม เพื่อดูว่าสอดคล้องกับการถือหุ้นหรือไม่ และเป็นที่น่าสงสัยว่า รายได้และเงินคงเหลือในบัญชีของกรรมการชาวไทยทั้ง 3 รายนั้นมีจำนวนไม่มาก บางรายมีเงินติดบัญชีเพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้น ซึ่ง DSI จะเร่งตรวจสอบข้อมูลในส่วนนี้ต่อไป