คำผกา แสดงความคิดเห็น3ข้อ ให้คิดตาม อั๋นลั่นอยากคุยกับหยกเรื่องนี้?


 คำผกา แสดงความคิดเห็น3ข้อ ให้คิดตาม อั๋นลั่นอยากคุยกับหยกเรื่องนี้?


เมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. 2566 ข่าวสดออนไลน์ จัดรายการ "ข่าวจบ คนไม่จบ" ดำเนินรายการโดย อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และแขก ลักขณา ปันวิชัย หรือ คำ ผกา ในหัวข้อ "เสียงแตก! โรงเรียนไม่ให้ ‘หยก' เข้าเรียน เหตุเครื่องแบบ-สีผม ถกปมไม่เคารพกฎ"

คำ ผกา กล่าวว่า โรงเรียนแถลงการณ์ออกมาว่า หยกมีสิทธิ์เข้าเรียนชั้น ม.4 แต่จะต้องมามอบตัว ไม่เกินวันที่ 10 มิ.ย. ต้องมาพร้อมผู้ปกครอง ซึ่งหยกไม่ได้มามอบตัวตามกำหนด ทำให้โรงเรียนไม่สามารถส่งชื่อของหยกเข้าไปอยู่ในฐานข้อมูลของกระรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ได้ เพราะไม่ใช่กำหนดการของโรงเรียน แต่เป็นกำหนดการของกระทรวงศึกษา

คำ ผกา กล่าวอีกว่า แม้จะไม่มีชื่อหยกอยู่ในฐานของโรงเรียน แต่โรงเรียนก็อนุโลมให้มาเรียน ปัญหาคือหยกไม่ให้ความร่วมมือกับโรงเรียนเลย ไม่แต่งกายตามระเบียบ ไม่ทำผมตามระเบียบ ไม่เข้าโฮมรูม ไม่ทำกิจกรรมหน้าเสาธง เข้าเรียนเฉพาะวิชาที่ตัวเองอยากเรียน และโรงเรียนก็พยายามดูแลอย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากเด็กเลย โรงเรียนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร




 คำผกา แสดงความคิดเห็น3ข้อ ให้คิดตาม อั๋นลั่นอยากคุยกับหยกเรื่องนี้?


คำ ผกา กล่าวต่อว่า ตนมีความเห็น 3 ข้อ ข้อที่ 1 คือ ตนเป็นผู้ต่อสู้เรื่องอำนาจนิยมที่มากับสิทธิเนื้อตัวร่างกายของนักเรียนผ่านทรงผมและเครื่องแบบมาตลอด ตนมีความเข้าใจดีวก่า เครื่องแบบและทรงผมของโรงเรียน มันกดทับเด็กยังไง มันเป็นอำนาจนิยมยังไง มันเป็นมรดกของฐานนิยมอย่างไร ตนไม่ได้อยู่ในฝั่งที่เห็นด้วยกับการควบคุมร่างกายเด็กขนาดนั้น

คำ ผกา กล่าวอีกว่า ข้อที่ 2 สิ่งที่เราควรจะต้องถามกันให้หนัก เด็กที่อายุเพียง 15 และยังไม่บรรลุนิติภาวะ จำเป็นจะต้องมีผู้ปกครองตามกฎหมาย เพราะในสายตาของกฎหมาย เด็กยังไม่สามารถรับผิดชอบการตัดสินใจ และการกระทำใดๆ ของตัวเอง ต้องมีผู้รับรองและผู้ปกครอง คำถามคือตอนนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดและรับชอบในการกระทำของหยก เพราะหยกเป็นเด็ก

คำ ผกา กล่าวต่อว่า สิ่งใดที่หยกทำในทางกฎหมายยังไม่อนุญาตให้หยกรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง การมีผู้ปกครองมันสัมพันธ์กับสิทธิโดยชอบตามกฎหมายของหยกหลายประการ เช่น สิทธิที่จะได้เข้าเรียนหนังสือ สิทธิที่จะได้รับทุนการศึกษา สิทธิที่จะกู้ กยศ. สิทธิที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย สิทธิในการทำพาสปอร์ต สิทธิในการเดินทางไปต่างประเทศ

คำ ผกา กล่าวอีกว่า ถ้าหยกไม่มีผู้ปกครองตามกฎหมาย หยกจะทำพาสปอร์ตก็ไม่ได้ จะทำอะไรไม่ได้อีกหลายอย่าง ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประดยชน์ของหยกโดยตรง แล้วสิทธิอันนี้ก็เกี่ยวข้องกับสถานะนักเรียน และการคุ้มครองตัวหยกเวลาที่มีข้อพิพาทกับโรงเรียน


 คำผกา แสดงความคิดเห็น3ข้อ ให้คิดตาม อั๋นลั่นอยากคุยกับหยกเรื่องนี้?


คำ ผกา กล่าวต่อว่า ถ้าคุณบอกว่าบุ้งเป็นผู้ปกครองของเด็กก็ไม่ได้ เพราะโรงเรียนหรือกฎหมายเขาไม่รับรองสถานะของบุ้งในฐานะผู้ปกครอง เขาก็ไม่คุยกับบุ้ง เขาจะคุยกับผู้ปกครองตามกฎหมายเท่านั้น เพราะบุ้งไม่สามารถรับผิดชอบหยกในทางกฎหมายได้

"พวกคุณเจอเด็กอายุเท่านี้ ไม่อยากถามเด็กเหรอว่า ลูกนอนที่ไหน หนูอยู่บ้านกับใคร ใครเป็นคนเอาเงินให้หนูไปโรงเรียน ใครดูแลอาหาร 3 มื้อของหนู เวลาถ้าหนูเจ็บป่วยไม่สบาย ใครดูแล แล้วเวลามีปัญหา หนูคุยกับใคร หนูปรึกษาใคร"

คำ ผกา กล่าวอีกว่า ด้านหนึ่งมีฝ่ายที่เชียร์หยก ตนรู้สึกว่าเขาเชียร์หยกเหมือนเวลาเรามีลูก แล้วเราอยากให้ลูกทำในสิ่งที่ตอนเด็กๆ เราไม่ได้ทำ พอหยกทำก็เชียร์ว่าเก่งมากลูก กล้าหาญมาก อย่างนี้สิเด็กรุ่นใหม่ การต่อสู้นี้เราต้องยืนเคียงข้างเด็ก

"คุณกำลังเติมเต็มความฝันของคุณในฐานะผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้คุณเป็นผู้ใหญ่และปลอดภัยอยู่ในบ้านของตัวเอง แล้วคุณก็มีชีวิตที่ดี มีงานทำ มีลูกมีทุกอย่างพร้อม แต่คุณแค่มีความรู้สึกว่าทำไมตอนเป็นเด็กอยากทำแบบนี้ แต่ไม่ได้ทำ แล้วก็ไปเชียร์หยก สิ่งหนึ่งที่เราลืมคือสวัสดิภาพความปลอดภัยและสิทธิของหยก เท่าที่เด็กคนนึงพึงมี และใครจะเป็นคนคุ้มครองสิทธิอันนี้"

คำ ผกา กล่าวต่อว่า ข้อที่ 3 แท้จริงแล้วหยกต้องการอะไร ถ้าหยกจะประท้วงระเบียบนี้ของโรงเรียน ถ้าจะประท้วงกฎนี้ของ ศธ. หยกสามารถทำโดยที่มีคำประกาศว่า นับแต่วันที่เท่านี้ จะทำการอารยะขัดขืนต่อกฎระเบียบของโรงเรียน เพราะเห็นว่าเสื้อผ้าและกฎระเบียบเหล่านี้มันกดทับศักยภาพของดิฉัน มันไม่มีความเกี่ยวข้องกับผลการเรียนของดิฉัน ดิฉันเห็นว่าวิชาเหล่านี้ไร้สาระ เสียเวลา ไม่มีความจำเป็น ดิฉันต้องการให้พวกเราสงสัยร่วมกัน

นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ดิฉันจะเลิกใส่ชุดนักเรียน และนั่งเรียนหนังสือที่หน้าประตูโรงเรียน ถ้าเพื่อนคนไหนเห็นด้วย ออกมานั่งเรียนหน้ารั้วโรงเรียนด้วยกันกับพวกเรา แล้วพูดจนกระทั่งวันหนึ่งมีเด็กในโรงรียน หรือโรงเรียนอื่นๆ พากันมานั่งเรียนหนังสือหน้าโรงเรียนเป็นเพื่อนหยก จากร้อยคนเป็นพันคน สิ่งนี้ถึงจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง และนำไปสู่การเจรจา หรือนำไปสู่การที่รัฐบาลรู้สึกไม่ไหวแล้ว นักเรียนทั่วประเทศไทยมาประท้วงพร้อมหยกหมดเลย ถ้าเราไม่เปลี่ยนกฎนี้เราต้องแย่แน่ๆ แต่ทั้งหมดนี้หยกยังไม่ได้ยื่นข้อเรียกร้องกับใคร มันก็ไม่สามารถนำไปสู่บนโต๊ะการต่อรองได้




คำ ผกา กล่าวต่อว่า ย้อนกลับมาว่า แล้วเราคาดหวังอะไร น้องเพิ่งจะอายุ 15 น้องจะมาคิดได้เหมือนตนที่อายุ 50 เหรอ มันก็ไม่ได้ไง ตนคิดได้ เพราะตนอายุ 50 คำถามพวกนี้ก็ย้อนกลับว่าเพราะเหตุใด เด็กอายุ 15 ถึงต้องมีผู้ปกครอง หรือมีคนให้คำแนะนำ ตอนนี้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนไปไหน พม.ไปไหน นักสังคมสงเคราะห์ ครูแนะแนวไปไหน หรือทนายสิทธิต่างๆ ทำไมปล่อยให้หยกไปเขย่าประตูอยู่ตามลำพัง

คำ ผกา กล่าวอีกว่า มากไปกว่านั้น ท่าทีของเราต้องไม่ผลักโรงเรียนไปเป็นศัตรู เราต้องรับฟังโรงเรียนเท่ากับรับฟังหยก เพราะเราต้องเอาผลประโยชน์ของหยกเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่เอาอีโก้ของเราเป็นที่ตั้งในฐานะกองเชียร์ เราต้องเอาผลประโยชน์ของหยกที่จะต้องได้เรียนหนังสือเป็นที่ตั้งว่า ทุกๆ การเคลื่อนไหวของเรา ต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของเด็กคนนี้ ดังนั้น การประนีประนอมนี้ ไม่ใช่เพราะศิโรราบต่ออำนาจ แต่เราประนีประนอมเพราะเอาผลประโยชน์ของเด็กเป็นที่ตั้ง

อั๋น กล่าวว่า ถ้ามองที่กฎหลัก ศธ.ไม่ได้บังคับมานานแล้ว แต่ละโรงเรียนไปจัดการเอง หลายคนก็บอกแล้วว่ามันจะไม่ใช่ศึกใหญ่ แต่เป็นศึกย่อย จะเห็นนักเรียนทะเลาะกับโรงเรียนรายย่อยไปเรื่อยๆ เพราะหลายคนมองว่ากระทรวงศึกษาธิการโยนไปให้โรงเรียนแต่ละที่ไปสู้กันเอง

อั๋น กล่าวต่อว่า พ่อแม่ผู้ปกครองตามกฎหมายคือใคร แล้วพ่อแม่อยู่ไหน หรือพ่อแม่ไม่เอาแล้ว หรือคุยกันไม่ได้ มีอะไรเกิดขึ้นภายใน หลังจากนั้นถ้าพ่อแม่หาไม่เจอ หรือด้วยเหตุผลอะไร แล้วใครจะต้องทำหน้าที่นี้ หรือถ้าหยกไม่เลือกเลย ไม่ว่าจะพ่อแม่ไม่เอา หรือหยกไม่เอาพ่อแม่ ถ้าเป็นเหตุผลตามนั้น ใครจะทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองต่อตามกฎหมาย เช่น พม. หรือใครที่จะต้องมาจัดการเรื่องนี้

"หยกแสดงภาพที่แข็งแกร่ง แต่อั๋นมั่นใจว่าในความแข็งแกร่งของเด็กอายุ 15 สิ่งที่เรามั่นใจมากๆ ในวัยนั้น ลึกๆ แล้วเรามีแต่ความหวั่นไหวและปั่นป่วน วันที่เราพลาด หรือวันที่เราแพ้ เรายังมีครอบครัว แต่ตอนนี้หยกมีใครเป็นแบ็คอัพ"

อั๋น กล่าวต่อว่า อยากนั่งคุยกับหยกอย่างจริงจังว่า อยากได้อะไร แค่อยากได้กินอิ่ม นอนหลับ เรียนหนังสือ อยากได้อาชีพที่มั่นคง หรือมีอุดมการณ์ แล้วเริ่มต้นจากอะไร อยากคุยตัวตนที่กระเทาะเปลือก เพราะตนไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นแก่นหรือเป็นเปลือก ตนไม่ได้ดูถูกอุดมการณ์ของหยกเลย แต่ตนอยากรู้ว่าจุดประกายขึ้นมาจากอะไร หนูอ่านหนังสือเล่มไหน ฟังใครพูด มีแนวคิดจากใคร จุดประกายจากอะไร ไม่ได้แปลว่าเราจะไปปรับทัศนคติเขา แต่จะทำให้เราเข้าใจมากขึ้น


 คำผกา แสดงความคิดเห็น3ข้อ ให้คิดตาม อั๋นลั่นอยากคุยกับหยกเรื่องนี้?


อั๋น กล่าวอีกว่า หลายคนแก้ปัญหาด้วยการมองเขาเป็นศัตรู มองเป็นคนส่วนน้อย มองเป็นคนแปลกแยก แม้แต่คนที่เหมือนจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ตนคิดว่าทุกคนในโลกต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมใหญ่หรือสังคมย่อย ตนอยากรู้ว่าสังคมที่หยกอยู่คิดอะไร และหล่อหลอมเขาขึ้นมาจากตรงไหน เพราะนี่คือการแก้ปัญหาของความแตกแยกที่แท้จริง ฟังอย่างเปิดกว้าง ฟังอย่างเข้าใจ ไม่ใช่ฟังเพื่อตัดสิน

อั๋น กล่าวต่อว่า ในหลายมุมสิ่งที่หยกอาจจะเรียกร้องบางอย่าง ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่เหลือบ่ากว่าแรงหรือผิด แต่วิธีการ กาละและเทศะ อาจจะดูขัดหูขัดตา หรือขัดใจบ้าง หรือขัดธรรมชาติ ตนไม่ได้มีปัญหากับยูนิฟอร์ม แต่ถ้าต้องเลือระหว่างมีกับไม่มียูนิฟอร์ม ตนเลือกไม่มี เพราะตนรู้สึกว่ามันเปิดโอกาสให้ตนได้เลือก หลังจากที่เลือกแล้ว ถ้าอยากจะใส่ก็ได้

"อย่างของหยกประนีประนอมได้ไหม แล้วโรงเรียนต่างๆ ประนีประนอมได้ไหม ทุกๆ การเปลี่ยนแปลง อั๋นคิดว่าต้องมีแกนนำที่เข้มแข็ง คือเรียกร้องไปสุด หยกตอนนี้อาจจะดูฮาร์ดคอร์มาก เป็นการเรียกร้องแบบสุดโต่งเพื่อให้ได้มาบางส่วนหรือไม่ จึงอยากคุยว่าต้องการอะไร"

อั๋น กล่าวอีกว่า สมมติว่าตอนนี้โรงเรียนพร้อมรับทุกอย่าง หยกต้องการเห็นอะไร หนูต้องการเห็นเพื่อนในห้องแต่งตัวอะไรก็ได้ ทำสีผมอะไรก็ได้ หรือแค่รู้สึกว่าใครอยากทำอะไรก็ทำ ถ้าพรุ่งนี้โรงเรียนประกาศแบบนั้นเลย แล้วหนูเดินเข้าไปในห้องคือเปี่ยมแล้วใช่ไหม แปลว่าภารกิจหนูเสร็จสิ้นแล้วใช่ไหม หลังจากนี้หนูพร้อมจะตั้งใจเรียนให้ได้เกรด 4 เหรอ หรือมองว่าการตัดเฉลี่ยเกรด การวัดผลเกรดไม่ใช่เรื่องสำคัญในชีวิตอีก แล้วอีกกี่กำแพง อีกกี่กรอบ ที่เราต้องทลายแล้วทะลุ ทะลุได้ไม่ว่า แล้วรู้ไหมว่าทะลุอะไรอยู่ หรือแค่หยิบอะไรมากสักอย่างแล้วแค่อยากพุ่งชน

คำ ผกา กล่าวว่า ถ้าหยกอายุ 25 ตนจะรู้สึกว่าหยกรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเองได้ ต่อให้กองเชียร์จะเชียร์ให้กำลังใจ เสร็จแล้วก็ปิดมือถือไปดูหนังดูซีรีย์ อันนั้นเราจะไม่ห่วง เพราะเขารับผิดชอบการกระทำของเขาได้ แต่เคสหยกมันมีเงื่อนไข เขายังเด็กเกินกว่าที่จะถูกใช้หรือถูกเชีรย์แบบนี้ โดยผู้เชียร์ที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ได้รับผิดชอบชะตากรรมอันนั้นไปกับเขา




คำ ผกา กล่าวต่อว่า กองเชียร์ต้องเตือนตัวเองว่าน้องยังไม่สามารถรับผิดชอบผลลัพธ์แห่งการกระทำของตัวเองได้ตามกฎหมาย เราซึ่งเป็นผู้ใหญ่ เราควรรู้ประมาณและรู้ว่าควรจะเอาชีวิตและความปลอดภัย และผลประโยชน์ของเด็กเป็นที่ตั้งก่อน

อั๋น กล่าวเสริมว่า ตนไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาต่อสู้ แต่ตนไม่สามารถบอกได้ว่าเห็นด้วยกับวิธีการ เพราะมันมีวิธีที่น่ารักกว่านี้ ที่ไม่กระด้างกระเดื่องกว่านี้ก็ได้ ตนเชื่อว่าน้องหยกน่าจะเจออะไรมาไม่น้อย จากมาตรา 112 จนพลังของการแสดงมันออกมาแรง เพราะน้องอาจจะโดนอะไรที่แรงเกินกว่าที่น้องสมควรจะโดน แต่นั่นอาจจะไม่ใช่เหตุผลที่เราได้รับอนุญาตในการแสดงสิ่งนี้ออกมากับสังคมวงกว้าง

คำ ผกา กล่าวว่า ทั้งหมดนี้หยกต้องภูมิใจในตัวเอง ถ้าวันหนึ่งสังคมมันเคลื่อนไปทางนั้น หยกก็มีส่วนในการผลักดัน แต่ผลประโยชน์ระยะสั้นของหยกไม่ควรจะถูกละเลย ผู้ใหญ่ทุกคนควรโฟกัสสิทธิของหยกที่พึงได้รับในสถานะนักเรียน แต่โรงเรียนจะเปิดการเจรจากับหยกอย่างไร ตนอยากขอไปทางโรงเรียนว่าใจดีกับเด็กนิดนึง โรงเรียนก็จะได้รับเสียงชื่นชมจากสังคม แต่ไม่จำเป็นต้องยอมเขาทุกข้อเรียกร้อง

คำ ผกา กล่าวต่อว่า อาจจะต้องเปิดคุยกับผู้บริหาร หยกเสนอมาสิ ข้อเรียกร้องคืออะไร มีเหตุผลแค่ไหน ทางโรงเรียนมีเหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่ได้ เช่น ถ้ายอมให้หยก 1 คน แล้วนักเรียนที่เหลือล่ะ ถ้าเรายอมหยกทั้งหมด แล้วเปลี่ยนกฎ ในอนาคตก็จะมีนักเรียนคนอื่นๆ เรียกร้องไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพดานของการรักษาสถานะของโรงเรียนจะอยู่ที่ตรงไหน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่นั่งคุยกันได้ โรงเรียนก็มีความเป็นต้องรักษาเพดาน เหมือนกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ทุกคนต้องเคารพร่วมกัน

อั๋น กล่าวว่า จะมีกลุ่มคนที่รู้สึกว่าหยกไม่น่ารัก ซึ่งเขามีสิทธิ เมื่อเราเห็นเด็กหรือคนที่เป็นเด็กทำตัวไม่น่ารัก เรายิ่งต้องรัก เพราะเขามีเหตุผลของความไม่น่ารัก ตนไม่ได้บอกว่าน้องหยกไม่น่ารัก แต่วิธีการแสดงออกของหยกคงไม่สามารถบอกได้ว่าน่ารัก หยกต้องเข้าใจว่าถ้ามีคนรู้สึกว่าเราแสดงออกไม่น่ารัก

คำ ผกา กล่าวว่า นี่เป็นสิทธิพิเศษของเด็กที่จะทำตัวไม่น่ารัก แล้วเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ต้องเมตตา และเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ต้องแสดงความมีวุฒิภาวะมากกว่าเด็ก เด็กโกรธ 50 เราจะโกรธกลับไป 100 ยังไงก็ผิด ตนเข้าใจโรงเรียน เข้าใจจุดยืนโรงเรียนสุดๆ แต่โรงเรียนมีหน้าที่ที่จะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่สุด โรงเรียนมีหน้าที่ให้โอกาสอย่างไม่มีเงื่อนไข

อั๋น กล่าวทิ้งท้ายว่า โรงเรียนตอนนี้ทำได้เหนือกว่ามาตรฐาน แต่เป็นโอกาสที่คุณจะโชว์อะไรได้มากกว่านี้ ถ้าลองดู ก็เป็นโอกาสดีที่สังคมจับตามองอยู่ เพราะสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเรื่อยๆ ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป



เรื่องที่เกี่ยวข้อง

  1. ดาราหนุ่ม แนะน้องหยก เรียนกศน.สิ จะได้ไม่ต้องใส่เครื่องแบบ!
  2. ด่วน! จำคุก บุ้ง ละเมิดอำนาจศาลไม่รอลงอาญา ออกหมายจับหยก
  3. ล่มแล้ว! เตรียมพัฒน์ฯ ไม่เจรจากับตัวแทนก้าวไกล หาทางออกเรื่องหยก
  4. จิตแพทย์ ชี้ปัญหาหยกบานปลาย พร้อมข้อแนะนำถึงผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้อง
  5. รู้แล้ว!! ทำไมพ่อแม่หยก ไม่พามามอบตัวเข้าเรียนจนต้องปีนรั้ว
  6. หมออั้ม เขียนถึง หยก ในฐานะ หมอและพ่อคน
  7. อีกแล้ว! หยกปีนรั้วโร่ถามผอ.โรงเรียน หลังเตรียมพัฒน์เพิ่งแถลงการณ์
  8. กสม.ออกแถลงกรณี “หยก” ย้ำเด็กทุกคนต้องไม่หลุดจากระบบการศึกษา
  9. หยกแจง 5 ข้อ ยันไม่ได้ดื้อแพ่ง! สังคมไทยถึงเวลาเปลี่ยน
  10. ความคิดเห็นเด็กนักเรียน,ผู้ปกครองคิดเห็นอย่างไรกรณี น้องหยก

  11. >> ดูทั้งหมด :ตามติดประเด็น ดราม่า น้องหยก


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์