รู้แล้ว!! ทำไมพ่อแม่หยก ไม่พามามอบตัวเข้าเรียนจนต้องปีนรั้ว

ในช่วงระหว่างการเจรจา และรอเข้าโรงเรียน ทางหยก ซึ่งวันนี้เดินทางมาพร้อมกับ "บุ้ง" ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองของ "หยก" และสมาชิกกลุ่มทะลุวัง ก็ได้ไลฟ์สดในเฟซบุ๊กส่วนตัวด้วย

โดยระหว่างที่ปืนเข้าไป มีตัวแทนสมาคมผู้ปกครองและครูเข้ามาห้าม จนเกิดเป็นปากเสียงกันเล็กน้อย จากนั้น "หยก" ได้พยายามปีนรั้วหน้าโรงเรียนอีกครั้งจนสำเร็จ แต่เมื่อเข้าไปในโรงเรียนแล้ว ก็มีคุณครูเข้ามาห้าม แต่สุดท้ายก็ยอมปล่อยให้เดินเข้าไปในเรียนได้ ซึ่งวันนี้ ในโรงเรียนมีกิจกรรมพิธีไหว้ครูด้วย

โดยทางหยก บอกว่า ได้อ่านแถลงแถลงการณ์แล้ว แต่ก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนได้รับรู้แล้วว่า "บุ้ง" เป็นผู้ปกครอง โดยมีการจ่ายเงินค่าเทอม และรับมอบตัวเรียบร้อยแล้ว และที่ผ่านมาพยายามติดต่อพ่อแม่มาโดยตลอด แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ซึ่งตั้งแต่การถูกจับกุมที่ สน.พระราชวัง คราวนั้นก็คุยกับแม่แค่เรื่องคดีกับเรื่องเรียนเท่านั้นเพื่อทำการเลื่อนวันมอบตัวออกไปก่อน ส่วนพ่อนั้นไม่ได้ติดต่อมานานมากแล้ว และหากโรงเรียนไม่พอใจเรื่องการแต่งกาย ก็อยากให้พูดคุยกันเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ตนเองพร้อมปรับปรุงให้เรียบร้อยขึ้น แต่ยืนยันว่าจะไม่ขอแต่งชุดนักเรียน เพราะมองว่าเป็นอำนาจนิยม

เมื่อถามว่าหากโรงเรียน ยื่นข้อเสนอ ให้เข้าเรียนได้ แต่ต้องแต่งกายตามกฎระเบียบของโรงเรียนนั้น หยก บอกว่า หากเป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่าสาเหตุที่แท้จริงในการไม่ให้เข้าเรียน คือ เรื่องทรงผมและการแต่งกาย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามหยกว่า ที่ผ่านมาแม่รับรู้เรื่องราวของเรามาตลอดหรือไม่? หยกตอบว่า ก็น่าจะรับรู้ อันนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน

หยก เผยต่อว่า หลังจากที่โดนจับคุณแม่ได้มอบหมายให้นายโสภณ สุรฤทธิ์ธำรง หรือเก็ท เป็นผู้ปกครองของตน ซึ่งเป็นการมอบหมายผ่านทางโทรศัพท์ โดยเหตุการณ์ใน สน.พระราชวัง เกิดขึ้นช่วงเย็น ลากยาวถึงดึก จึงไม่มีเวลาในการทำอะไร ตอนเช้าก็ต้องถูกส่งตัวไปที่ศาลแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ถ้าหากโรงเรียนขอให้ปฏิบัติตามกฎโรงเรียนเพื่อจะได้เข้าเรียน ยินยอมหรือไม่? หยก กล่าวว่า ต้องหาจุดร่วมกันคนละครึ่งที่เหมาะสม เรื่องการแต่งชุดถ้าขอให้อยู่ในหลักว่าเรียบร้อย คุณก็บอกมาว่าไม่เรียบร้อยตรงไหน เราก็พร้อมปรับแก้เสมออยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าในท้ายที่สุดถ้าโรงเรียนบอกว่าเป็นเพราะการมอบตัวไม่สำเร็จ ทำให้ไม่ได้เข้าเรียน? หยก กล่าวว่า โรงเรียนจะคิดคำพูดตนเอง ตนก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะสู้ต่อ จะไม่หยุด ซึ่งอาจไม่ใช่โรงเรียนนี้ถ้าหากไม่ให้เรียนจริงๆ และจะศึกษาต่อไป

"หนูเหลือเวลาเพียงแค่ 3 ปี ในระบอบการศึกษาไทยในชั้นมัธยมศึกษา มันก็แค่ 3 ปีเท่านั้น" หยก กล่าวทิ้งท้าย

หลังจากปีนเข้าไปได้ประมาณ 30 นาที พบว่ามีตัวแทนสมาคมผู้ปกครอง ไปบอกให้อาจารย์ประจำชั้นหยุดสอน และเชิญตัวหยกออกจากห้องเรียน โดยให้เหตุผลผลว่า หยกคือบุคคลภายนอก หยกจึงยอมออก และต่อสายมาหาบุ้ง เนติพร นักกิจกรรมจากกลุ่มทะลุวัง ที่รออยู่หน้าโรงเรียน เพื่อให้คุยกับตัวแทนสมาคมผู้ปกครอง ซึ่งปลายสายชี้แจงกับบุ้งว่า ในเมื่อไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบของโรงเรียนได้ ก็ควรออกจากโรงเรียน ไปเรียนที่อื่น ก่อนจะมีการโต้เถียงกันว่า ถ้ากฎระเบียบมันละเมิดสิทธิมนุษยชน ก็ไม่มีที่ไหนรับได้ หลังจากนั้นหยกก็ลงมาพูดคุยกับบุ้ง และกลุ่มทะลุวัง ผ่านประตูรั้ว หยกยืนยันว่าจะไม่กลับบ้าน และจะรอเข้าเรียนในคาบบ่าย

ไอซ์ขอยืนยันจุดยืน ไม่ควรมีเด็กคนไหนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาด้วยความไม่สมัครใจ ไม่ว่าด้วยกฎระเบียบข้อบังคับใดก็ตาม

ลองถามใจลึกๆ ดูว่าควรมีเด็กคนไหนในประเทศนี้ต้องออกจากระบบการศึกษาไป เพราะสังคมบางส่วนรู้สึกว่าน้องทำตัวไม่น่ารัก หรือเพราะไม่เคารพกฎระเบียบแบบเดิมๆ หรือเปล่า เรากำลังต่อสู้กับขนบเดิมๆ กันอยู่ไม่ใช่หรือ"