เครือข่ายวงจรอุบาทว์ ฝีมือ ทักษิณ-พจมานล้วน ๆ

เครือข่ายวงจรอุบาทว์ ฝีมือ "ทักษิณ-พจมาน"ล้วน ๆ

โดย ผู้จัดการรายสัปดาห์ 25 มีนาคม 2549 10:23 น.

ทักษิณ ชินวัตร! กำลังผจญวิบากกรรมจากผลการบริหารงานตลอด 5 ปีที่ถูกกล่าวหาไม่โปร่งใส มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นเต็มบ้านเต็มเมือง
โดยมีข้าราชการ -นักการเมือง ร่วมปฏิบัติภารกิจ
ดังนั้นการแต่งตั้งข้าราชการหรือนักการเมืองเข้าไปดำรงตำแหน่งจึงถูกจับตาอยู่ตลอดเวลาว่าแต่ละคนมีที่มาที่ไปอย่างไร.....
เพราะคนเหล่านี้ หากเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ก็จะก่อให้เกิดวงจรอุบาทว์อยู่ร่ำไป แต่ถ้ามองในมุมที่เป็นบวกในยุคเลือกตั้งคนเหล่านี้จะสนองคุณผู้แต่งตั้งได้ดีที่สุด !

ขณะที่รัฐบาลเองก็เชื่อมั่นว่าการทำงานทุกอย่างก็เพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่เว้นแม้กระทั่งการแต่งตั้งข้าราชการ-นักการเมืองก็ต้อง

ตัวเขาเองก็เชื่อว่าการทำงานทุกอย่างก็เพื่อ ประเทศชาติและประชาชนซึ่งการจะเลือก

การเมืองกับระบบอุปถัมภ์เป็นเรื่องที่เกิดคู่กันมานาน ใครจะเล่นการเมืองเหมือนเป็นตำราที่สอนกันมารุ่นต่อรุ่นว่า สิ่งที่สำคัญต่อคะแนนเสียง คือต้องสร้างเครือข่ายระบบอุปภัมภ์หรือเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนให้แข็งแรงมากกว่าคู่แข่งให้ได้มากที่สุด ที่ผ่านมาเรื่องระบบอุปภัมภ์จึงถูกนักวิชาการหยิบยกมาพูดถึงกันว่าเป็นกลไกทางการเมืองที่ควรตัดออก!

อย่างไรก็ดี แทนที่ระบบอุปถัมภ์จะหมดไปจากสังคมไทย ทุกวันนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐสมัยของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับพบว่า เครือข่ายระบบอุปภัมภ์ได้ขยายตัวจนมีขนาดใหญ่ที่สุด มากกว่าทุกรัฐบาลที่ผ่านมา

สาเหตุหลักเป็นเพราะพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ชนะการเลือกตั้ง จนสามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ รวมทั้งกลยุทธ์ในการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยในการจงใจชูตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้นำประเทศ ภาพที่สร้างขึ้นมาเน้นไปที่นโยบายพรรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมา ล้วนเกิดจากความเก่งกาจของตัวพ.ต.ท.ทักษิณ และ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงคนเดียวที่จะสามารถผลักดันให้นโยบายทั้งหมดเกิดขึ้นได้

อีกทั้งการที่พรรคไทยรักไทยใช้นโยบายประชานิยม ตั้งแต่ 30 บาทรักษาทุกโรค พักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ เอสเอ็มอี ฯลฯ เพื่อเรียกคะแนนเสียง และประสบความสำเร็จอย่างท้วมท้นในครั้งแรก ยิ่งทำให้ภาพที่สร้างไว้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คือ ´ซุปเปอร์ฮีโร่´ ยิ่งเด่นชัดขึ้นไปอีก

โครงการไหนที่อืดอาดล่าช้ามานาน ไม่มีความคืบหน้า หรือปัญหาไหนที่ไม่เคยมีใครแก้สำเร็จ แค่พ.ต.ท.ทักษิณ พูดถึงโครงการนั้น ๆ หรือหนักหน่อยถึงขั้นลงมาสั่งการเองแล้ว รับรองว่าคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องรีบทำการแก้ไขอย่างเร่งด่วน

5 ปีที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณจึงเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่งอย่าง ที่มีพร้อมทั้งอำนาจและบารมี!

อย่างไรก็ดี การที่จะดำรงความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ อยู่ในแวดวงการเมืองได้นาน ๆ รวมถึงได้รับความนิยมถึงขนาดที่จะได้คะแนนเสียงที่ท้วมท้นในการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก จำเป็นต้องสร้างเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ที่ใหญ่ที่สุด และต้องส่งคนที่ ´ไว้ใจได้´ ไปนั่งในที่ที่จะส่งผลที่ทำให้ไปถึงจุดนั้น โดยเฉพาะในระบบราชการ...

13ขุนพล ´ทักษิณ´ต่างตอบแทน

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า บุคคลที่มีความสัมพันธ์กับนายกรัฐมนตรีมีอยู่หลายคน แต่คนที่มีความสัมพันธ์กับนายกรัฐมนตรีที่ได้รับความไว้วางใจ จนเติบโตทางการเมือง และในระบบราชการ มีคนเด่น ๆ อยู่ 13 คน ที่น่าจับตามอง โดยหลายคนเป็นการให้ตำแหน่งโดยเป็นการตอบแทนทางธุรกิจ อีกไม่น้อยถูกจัดวางไปนั่งตำแหน่งที่จะเอื้อประโยชน์ทางการเมือง โดยเฉพาะมีผลต่อจำนวนคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งใหม่!

พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นเด็กนาย(หญิง) ที่มีคนพูดถึงมากที่สุดในปีนี้ เนื่องจากมีภรรยาเป็นเพื่อนสนิทของคุณหญิงพจมาน จนทำให้บ้านจันทร์ส่งหล้าจัดการส่ง พล.อ.อ.คงศักดิ์ ที่ดำรงตำแหน่งผบ.ทอ.มานั่งในตำแหน่งสำคัญอย่างมท.1 หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

เก้าอี้มท.1 นี้ ถ้าจะนับกันแล้ว ถือว่าเป็นเก้าอี้ที่มีความสำคัญต่อคะแนนเสียงเลือกตั้งอย่างมาก เพราะคนที่อยู่ภายใต้อำนาจของกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ไปจนถึงการปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง อบต.อบจ. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ที่นอกจากตำแหน่งทางราชการแล้ว ส่วนใหญ่จะมีบทบาทในการเป็นหัวคะแนนให้กับนักการเมือง และมีไม่น้อยที่เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ การควบคุมจุดยุทธศาสตร์นี้ได้ ชัยชนะทางการเมืองย่อมอยู่ไม่ไกล

´เสริมศักดิ์´ดันผู้ว่าฯ CEO สนองคุณ

เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่ได้รับการปูนบำเหน็จในตำแหน่ง มท.2 ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่า มท.1 ซึ่งเสริมศักดิ์ เดิมได้ชื่อว่ามีความแนบแน่นกับกลุ่มวังน้ำเย็นของ เสนาะ เทียนทอง โดยมีความสนิทสนมกับ สรอรรถ กลิ่นประทุม รวมทั้งสุวิทย์ คุณกิตติ สมัยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น และคุ้นเคยกับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นอย่างดีสมัยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ ´บิ๊กจิ๋ว´

อย่างไรก็ดี เสริมศักดิ์ เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการประชุมร่วม 2 สภา ซักฟอกรัฐบาลกรณีใช้ข้าราชการมาเป็นคนรับใช้นักการเมืองจนได้ดี ซึ่ง เสริมศักดิ์ คือหนึ่งในนั้น และมีกระแสข่าวว่า เสริมศักดิ์คือผู้ที่สนองทุกอย่างได้ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการ สั่งซ้ายหันขวาหันได้ โดยเฉพาะเรื่องผู้ว่าซีอีโอ

"เพรียวพันธ์"รอขึ้นแท่น ´ผบ.ตร´
พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พี่ชายแท้ ๆ คุณหญิงพจมาน นอกจากจะมีตำแหน่งก้าวหน้าในวงการตำรวจ จนตำแหน่งผบ.ตร.อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว เขายังได้ถูกวางตัวให้ไปนั่งในตำแหน่งสำคัญในองค์กรอิสระ โดยเขาเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของ คณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.

โดยความจริงแล้วในองค์กรอิสระ คนที่จะเข้าไปมีตำแหน่งนั้นต้องได้รับการยอมรับจากสังคมว่ามีความโปร่งใสทางการเมือง แต่เมื่อพี่ชายของภรรยานายกรัฐมนตรีไปนั่งในตำแหน่งใน ปปง.ครั้งนี้ จึงยากที่จะหลุดจากข้อครหาจากสังคมว่า "ใช้ตำแหน่งในองค์กรอิสระเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง" รวมทั้งทำให้ภาพขององค์กรอิสระที่ส่วนใหญ่มีตำรวจซึ่งเป็นเพื่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปนั่งเป็นประธาน เสียความเป็นกลาง และถูกมองว่าเป็นเพียงเครื่องมือนักการเมือง

2 ขรก.ได้ดีเพราะ´สามี´

พรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการคนนี้ เป็นภรรยาของ ´ดร.ไพบูลย์ ลิมปพยอม´ อดีตผู้อำนวยการ บริษัท ทศท. โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสำคัญให้กับครอบครัวชินวัตรคือ เป็นประธานกรรมการบริษัทแอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

การที่ ดร.ไพบูลย์ ได้รับตำแหน่งสำคัญในบริษัทแอดวานซ์ฯ ครั้งนี้ ทำให้เห็นว่าครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ให้ความสำคัญกับเขามาก เหมือนกับ บุญคลี ปลั่งศิริ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่อดีตล้วนแต่เป็นคนของบริษัททศท.โทรคมนาคม จำกัด(มหาชน) ท้ายที่สุดแล้วก็หลั่งไหลกันเข้าไปทำงานกับครอบครัวชินวัตร ซึ่งคนเหล่านี้เองคือผู้ที่ได้ชื่อว่ามีบทบาทในการหาช่องทางเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทในเครือครอบครัวชินวัตรมาก่อนทั้งสิ้น

เมื่อสามีได้ดี ภรรยาก็ได้ดีด้วยตำแหน่งสำคัญในกระทรวงศึกษาธิการด้วย โดยการนั่งเป็นหัวเรือใหญ่ในแท่งของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ครอบคลุมตั้งแต่การศึกษาระดับประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 มีโรงเรียนและครูในสังกัดจำนวนมาก

อย่างไรก็ดีวงการการเมืองรู้ดีว่า ครู เป็นฐานเสียงที่ใหญ่มาก เพราะครู เป็นเสมือนผู้มีอิทธิพลต่อความคิด หากคิดจะสร้างฐานเสียงทางการเมืองแล้ว จะมองข้ามไม่ดึงครูมาเป็นพวกไม่ได้ ตำแหน่งนี้จึงเป็นตำแหน่งที่จะให้คนของพรรคอื่นมานั่งไม่ได้ และ พรนิภา คือคนที่เหมาะสมที่สุด

คุมสสว.รับนโยบาย OTOP

จิตราภรณ์ เตชาชาญ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ดีเพราะสามีเช่นกัน เมื่อ ´ศักดิ์ เตชาชาญ´ เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากคดีซุกหุ้น และยืนหยัดเข้าข้าง พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด

ย้อนไปตั้งแต่ ดร.ชัยอนันต์ สมุทวนิช ลาออกจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และมีการแข่งขันของแคนดิเดต 2 คน ได้แก่ ดร.ไพศิษฐ์ พิพัฒนกุล กับ ศักดิ์ เตชาชาญ ท้ายที่สุดแล้วแม้ว่า ศักดิ์ จะเป็นผู้ที่มีคุณวุฒิทางกฎหมายไม่เทียบเท่ากับ ดร.ไพศิษฐ์ ที่เป็นนักเรียนทุนหลวง จบกฎหมายจากมหาวิทยาลัยโตเกียว ปริญญาเอกจากเยอรมนี กลับมาได้เนติบัณฑิตไทย เคยอยู่กฤษฎีกา เป็นคณบดีนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เลขาธิการรัฐสภา ฯลฯ แต่วุฒิสภากลับเลือก ศักดิ์ ซึ่งเป็นแค่ น.บ.(เกียรตินิยม) ได้ปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ เข้าทำงานมหาดไทยเป็นผู้ว่าฯ และเลขาธิการ รพช.มิได้ประกอบอาชีพทางกฎหมายแม้แต่น้อย

ศักดิ์ คนนี้ เป็น 1 ใน 8 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ลงความเห็นไม่รับพิจารณาคุณสมบัติ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่ ส.ว.27 คน ยื่นเรื่องถอดถอนออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนคณาจารย์คณะนิติศาสตร์ 50 คนจาก 14 มหาวิทยาลัยต้องออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 พิจารณาตนเอง โดยเฉพาะศ.ดร สุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ถึงขนาดออกมาแสดงความผิดหวังในมาตรฐานของนักกฎหมายระดับตุลาการศาลรธน.

นั่นจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ จิตราภรณ์ ได้รับตำแหน่งสำคัญใน สสว.หรือไม่? คำตอบมีอยู่ในตัว แต่ก็ต้องกล่าวว่า ตำแหน่งผอ.สสว.นี้ มีความสำคัญไม่น้อย เนื่องจากเป็นองค์กรที่ดำเนินตามนโยบายประชานิยมอย่างหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยเหลือให้มีการทำธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งมีหน้าที่ในการดูแลเรื่องสินเชื่อแท็กซี่เอื้ออาทร ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเหล่านี้เองคือคนที่ต่อไปจะแฟนที่เหนียวแน่นต่อตัว พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย
นี่คือส่วนของข้าราชการที่มีลักษณะผลประโยชน์ต่างตอบแทนด้านบุญคุณกับครอบครัวชินวัตร ที่ได้รับการจับวางไว้ในตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อคะแนนเสียงการเลือกตั้งครั้งใหม่ อย่างไรก็ดี มีข้าราชการอีกไม่น้อยที่ได้นั่งตำแหน่งสำคัญเพราะบุญคุณต่างตอบแทน

ให้ตำแหน่งตอบแทน´บุญคุณ´

พล.อ.ชัยสิทธิ ชินวัตร อดีต ผบ.ทบ. ที่ขึ้นเป็น ผบ.สส.โดยใช้เวลาไม่นาน จากอิทธิพลจากนามสกุลชินวัตร โดยมีฐานะเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สุดท้ายต้องหลุดจากตำแหน่งไป เพราะฝีปากกล้าเรื่องใครจะกล้าแก้บัญชีแต่งตั้งโยกย้ายทหาร

พล.อ.สมชัย สมประสงค์ อดีตรองประธานบอร์ดบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ปปง.(ชุดเดียวกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์) คนนี้เคยเป็นอาจารย์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยอนุมัติการจัดซื้อคอมพิวเตอร์ จากชินวัตรคอมพิวเตอร์

พล.อ.สมชัย เป็น 1 ใน 5 บอร์ด บทม.ที่กรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตที่นำโดย พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ระบุว่ามีส่วนในความผิดในการจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ด้วย
ก่อนหน้านี้ได้รับตำแหน่งสำคัญอย่าง รองประธานกรรมการบริษัท ทศท. คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยได้รับคัดเลือกจาก สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ลูกล้อ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีทีขณะนั้น

ศ.ดร.ร.อ.วรเดช จันทรศร อดีตเลขาธิการสภาการศึกษา ได้ชื่อจากสังคมว่าเป็นคนนำข้อสอบเอนทรานซ์ไปเฉลยและเผยแพร่ให้ลูกสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ จนมีชื่ออยู่ในสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทย ซึ่งหลังจากมีกรณีนี้ ได้มีการเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นพิเศษ 2 ขั้นจาก 49,600 เป็น 51,500 บาท

ดร.สิริกร มณีรินทร์ ประธานกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ อดีต รมช.กระทรวงศึกษาธิการ ได้ตำแหน่งสำคัญเนื่องจากเป็นน้องสาว วิทิต ลีนุตพงศ์ รองประธานยนตรกิจ กรุ๊ป ผู้บริจาครายใหญ่ให้พรรคไทยรักไทย ซึ่งเคยมีข่าววงในการคัดเลือกประธานบอร์ดการบินไทย ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ มีความต้องการให้เขาเป็นประธานบอร์ดดังกล่าว นอกจากนี้ ดร.สิริกร ยังเป็นภรรยาของ พล.ต.ท.วงกต มณีรินทร์ ผู้ช่วยผบ.ตร. ซึ่งเป็น นรต.รุ่น 26 เพื่อนร่วมรุ่น พ.ต.ท.ทักษิณ

สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ชื่อนี้ไม่ต้องพูดถึงมาก เพราะเขาคือสามีเยาวภา วงษ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ย้ายจากปลัดกระทรวงยุติธรรม มานั่งเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน

วิชัย จึงรักเกียรติ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เป็นอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร หลังจากได้เลื่อนข้ามขั้นจากซี 8 มาเป็นซี 10 อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง มีชื่อว่าได้ดีเพราะเคยช่วยเหลือเรื่องไม่ต้องเสียภาษีกรณีได้รับโอนหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด ของบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ผ่าน ดวงตา วงศ์ภักดี มูลค่า 738 ล้านบาท ซึ่งกรมสรรพากรวินิจฉัยว่าไม่ต้องเสียภาษีเงินได้เพราะเป็นการยกให้โดยธรรมจรรยา

สุชาติ เชาวิศิษฎ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มีบทบาทสำคัญในการเข้ามานั่งในตำแหน่งเจ้ากระทรวงการคลังแทน สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และดำเนินการเรื่องการควบรวมธนาคารทหารไทย ไอเอฟซีที และดีบีเอสไทยทนุ

ยงยุทธ วิชัยดิษฐ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการไฟฟ้า (Regulator) ดูแลโปรเจคสำคัญอย่างแผนการประมูลโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่ (ไอพีพี) เคยเป็นอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยและผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่มีส่วนช่วยเหลือเรื่องกรณีโกงที่ดินวัดมาเป็นของตนเองในการสร้างสนามกอล์ฟอัลไพน์

อย่างไรก็ดี หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป สิ่งที่น่าจับตามองคือในแวดวงตำรวจจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยมีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัว ได้ใช้เวลาหลายปีในการเป็น ´ป๋าดัน´ ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ นั่งเป็นผบ.ตร. ซึ่งหากถึงวันนั้น เมื่อตำรวจถูกครอบงำโดยฝ่ายการเมืองเบ็ดเสร็จ รัฐตำรวจจะขึ้นมามีอำนาจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

ที่สำคัญการแต่งตั้งข้าราชการ-นักการเมือง ที่ยึดระบบอุปถัมภ์เป็นปัจจัยหลักสิ่งที่จะตามมาหาก คนพวกนี้ใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองไปในทางที่ผิดด้วยการแสวงหาประโยชน์เขาตัวเองและพวกพ้อง และมุ่งแต่จะตอบแทนบุญคุณผู้ให้ตำแหน่ง ในที่สุดวงจรอุบาทว์ที่เกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัยก็ไม่สามารถจะกำจัดให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทยได้

ทั้งนี้เพราะเมื่อ นักการเมืองใช้เงินซื้อเสียง เพื่อเข้ามาเป็น ส.ส. ส.ว. เป็นรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี เพื่อกำหนดนโยบาย ก็จะออกนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน โดยจะมีการแต่งตั้งข้าราชการที่เป็นคนของตนเองมานั่ง ซึ่งข้าราชการบางคนก็ยอมใช้เงินซื้อเก้าอี้ เมื่อมาอยู่ในตำแหน่งนี้ก็จะย่อมปฏิบัติตามที่นักการเมืองสั่งการ เพื่อที่ตนเองจะได้เติบโตในหน้าที่ราชการ

พฤติกรรมเหล่านี้จึงนำไปสู่การถอนทุนด้วยการกระทำการทุจริต คอร์รัปชัน และเมื่อมีการยุบสภาหรือครบวาระจะต้องมีการจัดการเลือกตั้งใหม่ คนพวกนี้ก็จะต้องทำหน้าที่ตอบสนองนาย และจะต้องใช้เงินซื้อเสียงซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวงจรอุบาทว์รอบใหม่

ดังนั้น กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน ก็ด้วยต้องการที่จะล้มระบอบทักษิณ และปฏิรูปการเมืองแนวใหม่เพื่อให้สังคมไทยใสสะอาด!

**************

2 ขุนพลคู่ใจ"ทักษิณ-พจมาน"
ฝีมือไม่เด่นแต่เส้นก๋วยจั๊บ


"คงศักดิ์-จิตราภรณ์ " 2 ขุนพลคู่ใจ "ทักษิณ-พจมาน" แม้จะมีที่มาในการก้าวสู่ตำแหน่งหน้าที่ที่เอื้อประโยชน์ทางการเมืองที่ต่างกัน "คงศักดิ์"ถูกวิพากษ์ ไร้ประสิทธิภาพในการบริหาร ขณะที่ "จิตราภรณ์" ถูกพุ่งเป้าในเรื่องการหาผลประโยชน์เข้าตัวเองและพวกพ้องมากที่สุด แต่ทั้ง 2 คนก็ยังยืนอยู่ได้และยังช่วยสร้างคะแนนนิยมให้พรรคไทยรักไทย โดยผ่านเครืองข่ายของตนเอง

"คงศักดิ์"ผู้คุมกฎหัวคะแนนชั้นเยี่ยม

ชื่อของ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา ดังกระหึ่มเมื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง กับ การทุจริตจัดซื้อเครื่องบินรัสเซีย SU 30 พอ ๆกับความโดดเด่นในเรื่อง "สายสัมพันธ์" ที่แนบแน่นกับ "บ้านจันทร์ส่องหล้า"เนื่องเพราะ ภรรยาสุดที่รัก "ลูกน้ำ" สลิลลาวัลย์ วันทนา (ศิริวงศ์ ณ อยุธยา) กับ คุณหญิง พจมาน ชินวัตร นั้น เรียกได้ว่า "ซี้ปึ้ก"กันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่เซนโยเซฟ และลูกน้ำคนนี้แหละที่ให้การช่วยเหลือคุณหญิงอ้อเรื่องทุนรอนในอดีต....จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ จะกลายเป็นเครือญาติโดดข้ามห้วยมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(มท.1) ในรัฐบาลทักษิณ 2 จนทำให้บิ๊ก การเมืองต่างอิจฉาตาร้อนตาม ๆกัน

แต่ใช่ว่าเก้าอี้มท.1 จะโรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะมีกระแสข่าวออกมาเป็นระลอก ๆ ว่าบริหารงานไร้ประสิทธิภาพแต่เขาก็ได้ชื่อว่าเป็นอีกหนึ่ง "แม่ทัพ" ที่สนองต่อนโยบายของพรรคไทยรักไทยอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะการกระโดดเข้ามาแก้ปัญหาชายแดนใต้ด้วยความภาคภูมิพร้อมกับเสนอนโยบาย ติดตั้งเคเบิ้ลทีวี UBC ให้กับหมู่บ้านใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ และการให้ผู้หลงผิดกลับใจเข้ามามอบตัว แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการสร้างภาพบ้าง แต่เขาก็ไม่สนใจกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ จนสื่อมวลชนตั้งฉายาให้ว่า รัฐมนตรีพลังน้ำ

การที่ พล.อ.อ.คงศักดิ์ นั่งมท.1 จะช่วยหาเสียงเลือกตั้งให้กับพรรคไทยรักไทยได้ดีจริงหรือไม่ หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงในวันที่ 2 เม.ย.นี้ เมื่อไล่สายการทำงานของกระทรวงมหาดไทยนั้น จะต้องเกี่ยวข้องข้าราชการระดับภูมิภาคทั่วทุกจังหวัด ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัด ไล่มาสู่ฐานย่อยอย่างระดับอำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน

ดังนั้นในการเลือกตั้งพรรคใดก็ตามที่ได้เป็นรัฐบาลและคุมกระทรวงมหาดไทย จะมีโอกาสได้เปรียบเพราะหัวคะแนนล้วนแต่เป็นคนในพื้นที่โดยมีการสั่งการเป็นขั้นเป็นตอน ตั้งแต่จังหวัด สู่อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ซึ่งคนที่ทำหน้าที่เป็นหัวคะแนนก็คือเหล่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ อบต. ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ซึ่งอยู่ในสังกัดมหาดไทย จะช่วยเรียกคะแนนนิยมได้ในระดับหนึ่ง และเชื่อว่าเมื่อการเลือกตั้งใกล้เข้ามาถึงคนในสังกัดมหาดไทย คงไม่ทำให้พล.อ.อ.คงศักดิ์ ผิดหวังจนถูก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิง พจมาน ตำหนิได้

จิตตาภรณ์ เตชาชาญ
สร้างฐานเสียงให้รัฐจาก OTOP และ SMEs


รัฐบาลพรรคไทยรักไทยให้ความสำคัญในการใช้ เศรษฐกิจ นำ การเมือง และหนึ่งในนโยบายที่สร้าง "ประชานิยม" ก็คือสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จสร้าง นามธรรมให้ประชาชนให้เห็นผลงานได้อย่างมาก
สำหรับหนึ่งในองค์กรที่ขับเคลื่อนนโยบายเหล่านั้นให้เป็นไปได้คือ สสว. หรือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปัจจุบัน จิตราภรณ์ เตชาชาญ ภรรยาของ ศักดิ์ เตชาชาญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหนึ่งเสียงสำคัญที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หลุดพ้นคดีซุกหุ้นและได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสสว.

สำหรับผลงานของสสว. ที่ผ่านมาจะพบว่าองค์กรนี้เป็นหนึ่งนโยบายย่อยที่สำคัญและโดดเด่นในการขับเคลื่อนนโยบายหลักของรัฐบาลไม่ว่าจะเป็น โครงการ OTOP โครงการส่งเสริมโครงการ SMEs ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่สร้างคะแนนเสียงให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการ OTOP นั้นได้สร้างฐานเสียงและสร้างฐานคะแนนให้กับพรรคไทยรักไทยได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยสินเชื่อ OTOP ให้กับรายย่อย และการปล่อยกู้ให้กับ SMEs ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และล่าสุดกับโครงการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมลงทุน ซึ่งเป็นการระดมทุนอย่างหนึ่งสนับสนุนเงินทุน ให้กับกิจการใด ๆ ที่เจ้าของกิจการยังขาดเงินทุน โดยกองทุนร่วมลงทุนเข้าถือหุ้นในกิจการ ตามสัดส่วนที่เหมาะสมและมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของกิจการนั้น ๆ ซึ่งแม้จะได้กระแสเงินสดเข้าไปใช้ขับเคลื่อนดำเนินกิจการ แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกเข้ามายึดกิจการเช่นกัน

แม้แนวคิดในการจัดตั้งและเป้าหมายของ สสว. จะดูดีมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อนำมาปฏิบัติจริงนั้นก็ถูกตั้งข้อสงสัยจากสังคมมากพอสมควร โดยเฉพาะแนวทางการทำงานของ จิตราภรณ์ นั้น มีทั้งเรื่องขมและหวาน เพราะแม้เธอจะอยู่ในอำนาจซึ่งถือว่าเป็นกลไกสำคัญในการสนองนโยบายรัฐบาลได้โดยตรงไม่ว่าจะเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคเอกชนรายย่อย และประชากรในระดับรากหญ้า แต่ก็มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับ การเลือกปฏิบัติในการคัดเลือกแต่ละโครงการ ขององค์กร และอีกทั้งมีการออกโครงการขายฝันอยู่บ่อยครั้ง เช่น กองทุน "สึนามิ เอสเอ็มอี ฟันด์" วงเงิน 5,000 ล้านบาท ที่อยากจะระดมเงินจากสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ มาช่วยเหลือธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิถล่ม 6 จังหวัดภาคใต้ แต่สร้างความผิดหวัง เพราะไม่มีความชัดเจน

ทั้งเรื่องของการระดมทุน การช่วยเหลือที่ไม่ให้ซ้ำซ้อนกับ 2 กองทุนที่มีอยู่แล้ว นอกจากนั้นเธอยังถูกร้องเรียน จากเหล่าผู้ประกอบการ SMEs ว่าจิตราภรณ์นั้นส่งเสริมแต่บริษัทของตนเอง และเครือญาติ เนื่องจากบริษัทนี้ไม่ได้ผลิตผลิตภัณฑ์เองแต่เป็นการรับเอาสินค้าโอทอปของแต่ละชุมชนไปประทับตราบริษัทของตนเอง แล้วเอาเข้าโครงการของสสว.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์