อุ๋ยเด้งรับ ยอมตามมติ ปปช. ฟันศิโรตม์

"มีมติผิดวินัยร้ายแรง"


หลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติว่าอธิบดีกรมสรรพากรและข้าราชการระดับสูงกรมสรรพากร ผิดวินัยร้ายแรงในข้อหาละเว้นการเรียกเก็บภาษีพี่เมียอดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ล่าสุด รมว.คลังได้ประกาศรับลูกเตรียมสั่งลงโทษด้านวินัยกับอธิบดีกรมสรรพากรทันที

อุ๋ย รับลูก ป.ป.ช.เชือด ศิโรตม์

เมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) เวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติว่า นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร ผิดวินัยร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการและมีความผิดอาญาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ กรณีไม่เรียกเก็บภาษีเงินได้นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่บุญธรรมของคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับหุ้นจากบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์แอนด์คอมมูนิเคชั่นจำกัด ว่า ขณะนี้ได้ขอสำนวนจาก ป.ป.ช.เพื่อรีบมาดู คาดว่าจะส่งมาให้ภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะรีบดูก่อน อย่างไรก็ตาม การทำงานครั้งนี้ของ ป.ป.ช.เป็นเรื่องเป็นราว และทำในแบบแผนที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ต้องรีบดำเนินการตามผลที่ ป.ป.ช.สรุปออกมา

นัดปลัดคลังหารือบทลงโทษ

เมื่อถามว่า จะถึงขั้นให้พักราชการกับข้าราชการที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรตอบว่า ขอดูสำนวนฐานความผิดทั้งหมดก่อน ซึ่งคงจะได้รับในสัปดาห์หน้าระหว่างนี้ก็จะมีการประชุมเพื่อเตรียมการไปก่อน และสั่งให้ทางปลัดกระทรวงการคลังให้ดูรายละเอียดของกฎหมายทั้งหมด รวมทั้งความผิด เย็นวันนี้จะได้พูดคุยกัน แต่เนื่องจากยังไม่ได้สำนวนที่เป็นลายลักษณ์อักษรจาก ป.ป.ช. คงจะพิจารณาหลักเกณฑ์กว้างๆไปก่อน และเมื่อได้สำนวนแล้วก็จะทราบว่าเข้าฐานความผิดขั้นไหน

เชื่อมั่นผลสอบ ป.ป.ช.ผิดชัดเจน


ต่อข้อถามว่า ที่ผ่านมาเมื่อมีการส่งข้อมูลฐานความผิดผู้บังคับบัญชามักจะช่วยเหลือกัน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ตอบปฏิเสธว่า ในครั้งนี้ไม่มีเรื่องดังกล่าวแน่นอนเพราะมันชัดเจน คือ ป.ป.ช.ได้ตรวจสอบอย่างครบถ้วน เพราะฉะนั้น เราต้องดำเนินการตามผลการตรวจสอบเลย ส่วนเรื่องการให้ความเป็นธรรมเราต้องดูรายละเอียดของฐานความผิดก่อน ว่าในแต่ละเรื่องนั้นจะสามารถให้ความเป็นธรรมได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไร แต่การดำเนินการนั้นจะทำเลยแน่นอน ไม่ต้องรอตั้งกรรมการสอบสวน เพราะถือว่ามีคนรู้มากกว่าและเป็นคนกลางจริงที่สอบสวนแล้ว เพียงแต่เราจะมาพิจารณาดูว่าจะให้ความเป็นธรรมได้ด้วยวิธีใดบ้าง ต้องรอดูสำนวนจาก ป.ป.ช.คือ การที่เราจะตัดสินอะไร เขาก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ ต้องให้สิทธินั่นคือความเป็นธรรมที่เราพร้อมจะให้กับคนที่ถูกกล่าวหา โทษจะเป็นอย่างไรเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด

ยันไม่ตุกติก-ไม่ปกป้องใคร

เรื่องนี้ไม่ต้องสอบสวนอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ดำเนินการพิจารณาได้เลย แต่ก็ต้องขอดูสำนวนและฐานความผิดต่างๆ ก่อน ต้องขอดูข้อกล่าวหาทั้งหมดก่อนว่าคำกล่าวหาเป็นอย่างไรตรงกับฐานความผิดข้อไหนก็เป็นไปตามนั้น ชัดเจนยืนยันว่าไม่มีการปกป้อง ผมเดินตรงเป๊ะ เพราะ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการอย่างเป็นเรื่องเป็นราว และเนื้อหาที่ทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว โดยเฉพาะเนื้อหาที่เกี่ยวกับความผิด เพราะไม่เก็บภาษีนั้นถูกต้องแล้ว กรณีปัญหาความผิดที่เกิดขึ้นนี้ผมไม่รู้มาก่อน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นสมัยที่นายศิโรตม์เป็นรองอธิบดี ต้องขอบคุณ ป.ป.ช. โดยเฉพาะนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ที่ไปตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง รมว.คลังกล่าว

ป.ป.ช.ขอ 7 วันส่งคดีให้อัยการ

วันเดียวกัน น.ส.สมลักษณ์ จัดกระบวนพล คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง และความผิดอาญาแก่นายศิโรตม์ สวัสดิ์-พาณิชย์ อธิบดีกรมสรรพากร และเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร รวม 5 ข้อ ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการหลีกเลี่ยงภาษีการโอนหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น มูลค่า 738 ล้านบาท ระหว่างนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร กับ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี ว่า คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์จะสามารถส่งสำนวนการไต่สวนให้ต้นสังกัด และสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาดำเนินการทางวินัยและทางอาญาได้ เหตุที่ต้องใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ เพราะมีเอกสารหลักฐานจำนวนมากที่ต้องรวบรวม เพื่อเสนอไปพร้อมกับสำนวนการไต่สวน การลงมติชี้มูลเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.นั้น กรรมการ ป.ป.ช.ทุกคนเห็นไปในแนวทางเดียวกันทุกคน ไม่มีใครมีความเห็นขัดแย้ง เพียงแต่กรรมการ ป.ป.ช.บางคน ขอให้เพิ่มรายละเอียดในบางจุด เพื่อให้หลักฐานมีความชัดเจนยิ่งขึ้น

ชี้ซื้อขายหุ้นชินฯ วางแผนซับซ้อน


ส่วนการตรวจสอบการทุจริตในโครงการของรัฐนั้น วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ กรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานะประธานอนุกรรมการตรวจสอบกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้ สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่าอนุกรรมการฯ ยังไม่สามารถสรุปเข้าสู่ที่ประชุม คตส.ชุดใหญ่ได้ในวันที่ 13 ธ.ค.นี้เพราะกรณีการซื้อขายหุ้นบริษัทชินคอร์ปมีหลายแขนง โดยจะมีการสรุปเป็นรายแขนงกว่า 3-4 แขนง ส่วนการซื้อหุ้นชินคอร์ปจาก บริษัทแอมเพิลริช อินเวสเมนท์ ได้มีการตกลงในหลักการร่วมกัน ว่าจะมีการเก็บภาษีย้อนหลังก่อน แล้วค่อยมาดูรายละเอียดการคำนวณภาษีอีกครั้ง เพราะมีเป็นจำนวนมาก เมื่อถามว่าการดำเนินกรณีการซื้อหุ้นชินคอร์ป จะสอบสวนแนวทางเดียวกับกรณีของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ หรือไม่ นายวิโรจน์ตอบว่า ไม่ใช่ เพราะหากดำเนินการแบบเดียวกันมันก็ง่ายเหมือนกันหมด เพราะเขาวางแผนตัดตอนซับซ้อน เรื่องนี้มีหลายแขนง เหมือนหนวดปลาหมึก

สอบถี่ยิบ 4 ปมใหญ่ซื้อขายหุ้นชินฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสรุปผลสอบสวนคดีเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป อนุกรรมการตรวจสอบจะมีการสรุปเป็น 4 ประเด็น ประกอบด้วย 1. กรณีนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซื้อหุ้นบริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมิวนิเคชั่น จาก น.ส.ดวงตา วงษ์ภักดี คนรับใช้ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำนวน 738 ล้านบาท ซึ่ง คตส. ได้มีการตั้งอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินคดีทางอาญากับนายบรรณพจน์กับพวกอีก 5 คนไปก่อนหน้านี้แล้ว 2. กรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ปในปี 2543 ที่มีการทำธุรกรรมด้วยกันทั้งสิ้น 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2543 พ.ต.ท.ทักษิณ-คุณหญิงพจมาน ขายหุ้นชินคอร์ปให้นายพานทองแท้ 73,395,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 150 บาท ทำให้นายพานทองแท้ได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่าง ราคาหุ้นเป็นเงิน 10,275 ล้านบาท ถ้าต้องจ่ายภาษีคิดเป็นเงินประมาณ 3,800 ล้านบาท ครั้งที่ 2 คุณหญิงพจมานขายหุ้นชินคอร์ปให้นายบรรณพจน์ จำนวน 26,825,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท ขณะที่ราคาตลาด 150 บาททำให้นายบรรณพจน์ได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่าง ราคาหุ้นเป็นเงิน 3,755 ล้านบาท ถ้าต้องจ่ายภาษีคิดเป็นเงินประมาณ 1,389 ล้านบาท และครั้งที่ 3 คือ พ.ต.ท.ทักษิณขายหุ้นชินคอร์ปให้นางยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว 2 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 10 บาท ขณะที่ราคาตลาด 150 บาท ทำให้นางยิ่งลักษณ์ได้รับผลประโยชน์จากส่วนต่างราคาหุ้นเป็นเงิน 280 ล้านบาท 3. กรณีการซื้อหายหุ้นชินคอร์ประหว่างนายพานทองแท้ ชินวัตร กับ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร เมื่อปี 2545 จำนวน 376 ล้าน หุ้น และ 4. กรณีนายพานทองแท้และ น.ส.พิณทองทา ซื้อหุ้นชินคอร์ปจากแอมเพิลริช เมื่อต้นปี 2548 โดยเลี่ยงภาษี 15,802 ล้านบาท

นาม ท้าชนสรรพากรเจอกันที่ศาล

จากกรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป ระหว่างบริษัทแอมเพิลริชกับนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร จำนวน 326 ล้านหุ้น ในราคา 1 บาท โดยทางกรมสรรพากรยืนยันว่าเข้าข่ายต้องจัดเก็บภาษีตามมาตรา 40 (8) แต่ทางอนุฯตรวจสอบฯของ คตส. ที่มีนายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ ที่เป็นประธานฯ มีความเห็นว่าจะต้องใช้มาตรา 40 (2) แห่งประมวลรัษฎากร จัดเก็บภาษี เนื่องจากนายพานทองแท้ และ น.ส.พิณทองทา เป็นกรรมการบริษัทแอมเพิลริชนั้น ในเรื่องนี้ นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. กล่าวว่า ในหลักการ ถ้า คตส.เห็นอย่างไร แล้วเสนอให้กรมสรรพากรดำเนินการ กรมสรรพากรจะต้องปฏิบัติตามสิ่งที่ คตส.เสนอไป ถ้าไม่ทำตาม หรือมีความเห็นทางกฎหมายที่แตกต่างในการเก็บภาษี ก็ต้องให้ศาลสั่ง โดย คตส.จะส่งเรื่องให้อัยการสั่งฟ้องศาลเพื่อสั่งบังคับคดี โดยต้องมีการต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม และมีการบังคับคดี ซึ่งกระบวนการของศาลยอมรับว่าจะต้องใช้เวลานานมาก เพราะศาลจะให้ทั้งโจทก์และจำเลยมาให้ปากคำ

คตส.งานอืดต้องรีดหลักฐานเอง


เมื่อถามถึงความล่าช้าในการทำงานของ คตส. เมื่อเทียบกับการทำงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สามารถเอาผิดกับกรมสรรพากรฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นายนามตอบว่า การทำงานของ คตส.จะต้องทำงานอย่างรอบคอบรัดกุมและชัดเจน ประกอบกับ คตส.เพิ่งเป็นหน่วยงานที่เพิ่งตั้งขึ้นมา ซึ่งต่างจาก ป.ป.ช.ที่มีการทำสำนวนมาก่อนที่กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คนปัจจุบันจะเข้ามาทำงานตามประกาศของคณะทหาร ดังนั้น การปฏิบัติงาน คตส.จึงมีความจำเป็นจะต้องไปรวบรวมข้อมูลใหม่ทั้งหมดภายใน 1 ปีนี้ เพื่อสรุปสำนวนให้ศาลเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดในตอนสุดท้าย

ชี้สอบทุจริตต้องไม่ใช้ความรู้สึก

วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และผู้ช่วยเลขาธิการ คมช. ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารการท่าอากาศยานฯ ให้สัมภาษณ์ ถึงความคืบหน้าในการสั่งตรวจสอบสัญญาการก่อสร้างต่างๆ ประมาณ 200 สัญญา ในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิ ว่าขณะนี้กำลังเริ่มต้นดำเนินการสอบสวน ทิศทางการ สอบสวนน่าจะราบรื่นไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค เพราะเรามีหน้าที่ที่จะไปดูสัญญาต่างๆ หากผลออกมาถูกต้องเรียบร้อยก็ถือว่าสิ่งที่ถูกกล่าวหานั้นไม่จริง แต่ถ้าจริงก็ต้องดำเนินคดีต่อไป เมื่อถามว่า ในเบื้องต้นพบข้อมูลว่ามีสิ่งที่ไม่ปกติที่ส่อว่ามีการทุจริตในโครงการใดบ้าง พล.อ.สพรั่ง ตอบว่า ตอนนี้ได้เริ่มต้นตั้งคณะอนุกรรมการลงไปดู ต้องให้ประธานอนุกรรมการชี้แจงก่อน ส่วนการที่สังคมภายนอกมองว่าหลายโครงการในสนามบินสุวรรณภูมิมีความไม่โปร่งใสนั้น ในการสอบสวนต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา ส่วนความรู้สึกต้องแยกเอาไว้ และถ้าตนไม่ได้เป็นประธานคณะกรรมการบริหารการท่าฯ ก็รู้สึกเหมือนประชาชน ไม่สบายใจ มีความเชื่อว่าไม่บริสุทธิ์ใจ น่าจะมีความไม่โปร่งใส แต่ตนเป็นประธานกรรมการ ทอท.ต้องเป็นธรรม ไม่เอาความรู้สึกส่วนตัวเข้ามาเป็นเครื่องตัดสิน

ทำดีน้อยดีกว่ามีเวลามากแล้วทำชั่ว

เมื่อถามว่า รัฐบาลชุดนี้และ คมช.มีเวลาน้อยใน การตรวจสอบโครงการทุจริตภายในช่วงปีใหม่ จะมีเรื่องใดออกมามีผลชัดเจนเป็นของขวัญให้ประชาชนบ้าง พล.อ. สพรั่งตอบว่า แม้มีเวลาน้อย แต่การทำความดีแม้เพียงเสี้ยววินาทีก็พอแล้ว มีเวลามากแต่ทำชั่วไม่มีประโยชน์ และการที่เราทำอะไรโดยไม่หวังผลเป็นวีรบุรุษก็ไม่ต้องไปกดดันตัวเองว่าต้องมีผลงานมาก ทำให้ดีที่สุด แล้วผลมันออกมาเอง เมื่อถามย้ำว่า โครงการจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์หรือโครงการท่อร้อยสายที่ค่อนข้างมีหลักฐานชัดเจน จะมีผลออกมาเป็นรูปธรรมก่อนได้หรือไม่ พล.อ. สพรั่งตอบว่า หากจะลงในรายละเอียดเพื่อให้พูดในสิ่งที่ไม่เป็นธรรมคงไม่ดี ขอให้อดใจรอก่อน เวลาที่เราปล่อยให้เขาทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำไมเราให้เวลา

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์