นิทานเศรษฐีใหม่

เรื่องเล่าจาก นสพ.ไทยรัฐ

น่าจะคุ้นหูแวดวงคนทำมาค้าขายลอตเตอรี่ริมถนนราชดำเนิน ข้างกองสลากฯ...ลากไล่ยาวไปถึงสี่แยกคอกวัว

เรื่อง ของเรื่องมีอยู่ว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...ผู้ใหญ่ระดับสูงในกองสลากฯผู้หนึ่ง น่าจะเป็นผู้มีอำนาจ...วาสนามาเกิด เพราะร่ำรวย เป็นเศรษฐีใหม่ได้รวดเร็วผิดปกติ

เล่าลือกันให้แซดว่าเขาคนนี้ร่ำรวยมาได้อย่างไร เอาเงินมาจากไหน และที่สำคัญ เขารวยมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

ทั้งๆ ที่ก่อนจะถูกเรียกว่าผู้ใหญ่ เขาก็ไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน และไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจการค้าอื่นใด นอกจากเป็นพนักงานกองสลากฯเท่านั้น

ความ จริงส่วนนี้เพื่อนพนักงานในสำนักงานสลากฯต่างก็ทราบดี เขาไม่ได้ถูกรางวัลที่ 1...พ่วงรางวัลพิเศษแจ็กพอต เพียงแต่ว่าเขาได้เก้าอี้ดี ตำแหน่งดี ก็เลยมีโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต ทำให้ร่ำรวยได้ยิ่งกว่าถูกหวย...

บางคนคิดไปต่างๆนานาหรือว่าเขามีของดีติดตัวมาตั้งแต่เกิด?

เก้าอี้ ดี มีอำนาจผูกขาด ชี้นำบางประการ เพียงแค่นั้นจะทำให้รวยได้หรือ...อย่างไรเสียความร่ำรวยก็ปิดคนใกล้ตัวได้ ไม่มิด เพื่อนฝูงที่คอยสังเกตก็พอจะรู้ว่าเขาใช้เงินมือเติบ ซื้อของใช้ราคาแพง อย่างนาฬิกาโรเล็กซ์ก็ซื้อทีละหลายเรือน

อย่าง ไปต่างประเทศ ก็ไปบ่อย แถมไปแต่ละครั้งก็ไม่เอาสิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้าไปเสียด้วย เพราะด้วยความรวย...เขาจะไปซื้อเอาเมื่อไปถึงที่หมาย และไม่ได้ซื้อแค่พอใส่ แต่ซื้อคราวละมากๆ

ประเทศที่เขาชอบไป คือ "มาเก๊า" ไปเพื่ออะไรคนวงนอกคงไม่รู้ แต่สำหรับคนวงใน มาเก๊าน่าจะเป็นจุดรับเงินสำคัญของเศรษฐีหน้าใหม่คนนี้

หลาย คนคอยเฝ้าสังเกต ปักใจว่าเขาต้องมีพระดีหรือศรัทธาเจ้าแม่ที่ไหน เจ้าพ่อกระทรวงอะไรเป็นการส่วนตัว...เพราะผ่านมาหลายปีแล้วความร่ำรวยก็ยัง หลั่งไหลเข้าตัวไม่ขาดสาย แบบไม่มีสะดุด...ฉุดไม่อยู่สักที

ท่ามกลาง วิกฤติเศรษฐกิจ...ข้าวยากหมากแพง ขณะที่เพื่อนพนักงานไม่น้อยแวะเวียนกินข้าวแกงข้างกองสลากฯประทังชีวิต ข้าวแกงจานละเท่าไหร่...

มื้อละเท่าไหร่ หลายคนยังต้องเซ็นติดกับแม่ค้า...รอจ่ายวันเงินเดือนออก เป็นภาพที่บาดใจพอดู

แต่เมื่อเทียบกับเศรษฐีใหม่คนนี้น่าจะยิ่งกว่าหน้ามือกับหลังมือ เพราะเขารวยถึงขั้นมีเงินซื้อรถเบนซ์รุ่นใหม่

ด้วย กลัวว่าเพื่อนจะอิจฉาในความร่ำรวย ถึงจะซื้อแต่ก็ไม่รับเป็นเจ้าของตามกฎหมาย ใส่ชื่อคนอื่น ไม่ขับมาทำงาน แต่ด้วยเพราะอะไรมาดลใจไม่ทราบได้ บังเอิญว่ามีคนดันไปเห็นเขาขับเบนซ์หรูในวันหยุด

นี่คือ...นิทาน ของคนจะรวยช่วยไม่ได้ ที่ยังไม่จบแค่นี้ เล่าลือกันไปอีกว่า เขามีเงินมากขนาดที่ว่าซื้อคอนโดมิเนียมหรูให้บ้านเล็ก บ้านน้อย และบรรดากิ๊กๆอยู่...หลายแห่ง

ก็แน่ล่ะ เศรษฐีใหม่แล้วนี่ เป็นเสี่ยของน้องๆ หนูๆ ก็ต้องใจปํ้ากันหน่อย จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันที่ทำงาน

วันเวลาผ่านเลยไป ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาคนนี้มีของดีอะไรกันแน่ เพราะนอกจากรวยแล้ว เก้าอี้ยังแข็งแรงเหนียวแน่นไม่หักหายไปง่ายๆ

มา ถึงตรงนี้...เนื้อหานิทานเริ่มเลือนราง เล่าต่อๆกันมาถึงที่มาความรวยเศรษฐีใหม่ที่แท้จริง จนแตกประเด็นเป็นสองทาง ทางแรก...แม่ค้า พ่อค้าหวยรัฐข้างกองสลากฯบอกว่า เศรษฐีใหม่คนนี้รวยมาจากโควตาหวย

ส่วนทางที่สอง...ไกลออกไปพ่อค้า แม่ค้าหวยรัฐแยกคอกวัวก็ว่า เขาร่ำรวย เก้าอี้มั่นคงเพราะนับถือศรัทธาเจ้าพ่อระดับรองๆประจำกระทรวงการคลัง ริมคลองประปา

เศรษฐีใหม่มักแอบย่องไปสักการะบูชาท่านเป็นประจำ ขนาดมีคนตามเฝ้าทุกฝีก้าวยังไม่รู้ว่าเศรษฐีใหม่เอาอะไรไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้

เรื่อง ราวของ "เศรษฐีใหม่กองสลาก" จะจบเช่นใดหลังความร่ำรวยของเขายังไม่มีใครยอมเล่าต่อไปถึงตรงนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง...ชีวิตจริงถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว

เรียก ว่าเป็นการทุจริต ต้องติดคุก ถูกยึดทรัพย์ แล้วควรที่จะต้องสืบสาวไล่ยาวไปถึงต้นตอ เจ้าพ่อ...เจ้าแม่ที่คอยหนุนให้โชคอยู่เบื้องหลังให้ครบทุกท่าน

ไม่ อย่างนั้นใครที่จะมานั่งเก้าอี้แบบผู้ใหญ่ท่านนี้...ถ้าทำแล้วไม่ผิด ก็อาจหลงตัวมัวเมากับกองเงินกองทองที่ตั้งวางให้หยิบอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ ลังเลใจ

นิทานเศรษฐีใหม่กองสลากฯเล่าเกี่ยวโยงถึง "โควตา" ให้นึกถึงเรื่องร้องเรียนการทุจริตในสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ส่งถึงนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2553 ที่ผ่านมา

กลุ่มผู้เสียหายรวมตัวกันใน นาม ชมรมผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาลและเครือข่ายลอตเตอรี่เพื่อประชาชน ขอความเป็นธรรมเนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากการที่สำนักงานสลากฯ โดยอำนาจของคณะกรรมการสลากฯ

ได้ยกเลิกการจำหน่ายตั้งแต่งวดวันที่ 1 พฤษภาคม รวมการพักโควตาครั้งนี้ จำนวน 6 งวด

โดย มีผู้ใหญ่ร้องขอว่า...จะนำสลากไปไว้ที่มูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่ง และได้เรียกร้องเงินค่ารักษาสิทธิ์จำนวน 1,000,000 บาท ต่อจำนวนสลาก 500 เล่ม หลังจากนั้นก็จะดำเนินการต่อสัญญาให้กับบริษัท นิติบุคคล ที่ได้รักษาสิทธิ์ไว้แล้ว

โดยเงินทั้งหมดที่เก็บไปนี้ อ้างว่าจะนำไปมอบให้บุคคลหนึ่งที่เกี่ยวข้องในคณะกรรมการและยังมีความ สัมพันธ์เกี่ยวโยงกับผู้ช่วยรัฐมนตรีผู้มีอำนาจกำกับดูแล

กระทั่ง สำนักงานสลากฯ ได้มีประกาศเรื่อง การจัดสรรสลากการกุศลพิเศษ 10 ล้านฉบับ ตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 9 มีนาคม 2553 เปิดรับสมัครผู้เข้าประมูลวันที่ 12 พฤษภาคม และประกาศรายชื่อในวันที่ 14 มีผู้ได้รับการคัดเลือก 3 ราย คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ขวัญฤดี, บริษัท น้ำเพชร และบริษัท สลาก
มหาลาภ

ปรากฏหลักฐานว่า สองบริษัทแรกมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกันอย่างใกล้ชิด

ข้อ ที่น่าแปลกใจ คือความสัมพันธ์ของบุคคลหนึ่งที่เข้ามามีบทบาทในการพักโควตาชั่วคราวที่ กล่าวไปข้างต้น...มีเหตุเป็นไปได้ว่าน่าจะนำมาซึ่งการจัดประมูลแบบฮั้วกัน

และยังเกี่ยวโยงกับการเรียกรับเงินจากบริษัทที่ได้รับการประมูล มากถึงรายละ 275 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ข้อมูลที่พอจะทราบมา บุคคลๆนี้ยังเกี่ยวโยงกับการเรียกรับเงินจากบริษัทที่ได้รับการประมูล มากถึงรายละ 275 ล้านบาท

ว่า กันว่า...เงินก้อนนี้ไม่ได้จ่ายกันแบบรวดเดียว แต่จ่ายกันแบบต่างกรรมต่างวาระ และยังมีผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในกองสลากฯมีส่วนรับเงินก้อนนี้ด้วย โดยมีการจ่ายกันที่..."มาเก๊า"

ที่สำคัญ ในการประมูลคัดสรรผู้จัดจำหน่ายที่ว่านี้ ตามประกาศสำนักงานสลากกินแบ่งฯ ยังมีการเรียกรับเงินอีกรายละ 25 ล้านบาท

ตั้ง ปุจฉา...ความสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกันแนบแน่นระหว่างกองสลากฯ กับบริษัทนิติบุคคลที่ได้รับการจัดสรรโควตามาอย่างยาวนานจนเรียกได้ว่าผูก ขาดไปแล้ว น่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่อีกหลายแง่มุม

ซึ่ง...เชื่อมโยงไปถึงปัญหาสลากราคาแพงที่แก้กันไปไม่รู้จักจบจักสิ้น

เรื่อง นี้ไม่ใช่นิทาน หากแต่เป็นเรื่องจริงที่สังคมอยากรู้ความเป็นไป ทั้งที่ตกเป็นข่าวชัดเจนไปนานแล้ว ทำไมดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดยังนิ่งเงียบ ไม่ได้รับการตรวจสอบ

ผู้ใหญ่ สำนักงานสลากฯ นักการเมือง ข้าราชการกระทรวงการคลังผู้กำกับดูแลเรื่องนี้ รวมถึงนายกรัฐมนตรี น่าจะเข้ามาร่วมกันจี้เพื่อเร่งกระบวนการ...ไขความจริงให้กระจ่าง

ต้องจับตาดูกันอีกครั้ง...เศรษฐีใหม่กองสลากฯจะถูกฉีกหน้ากากไหม.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์