สุทธิชัย หยุ่นลั่นรบ.เลิกคิดปฎิรูปสื่อ ทำกันเองทุกวัน

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

ร่วมกับ สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ, สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สถาบันอิศรามูลนิธิพัฒนาสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย และมหาวิทยาลัยศรีปทุม จัดประชุมใหญ่วิชาการวิชาชีพสื่อสารมวลชนระดับชาติ ประจำปี 2553  ณ มหาวิทยาลัยศรีปทุม บางเขน ในหัวข้อ “ปฏิรูปสื่อ สู่การปฏิรูปสังคม “ วันที่ 22 กรกฎาคม
 

นายสุทธิชัย หยุ่น บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น กล่าวว่า สปอตขอโทษประเทศไทย เป็นตัวอย่างที่ดีของการปฏิรูปสื่อที่ไม่ต้องออกมาประกาศว่าปฏิรูป

เพราะสังคมกำหนดสื่อเองอยู่แล้วว่า จะต้องปฏิรูปอย่างไร รัฐบาลต้องเลิกคิดได้แล้วว่าจะเข้ามาควบคุม ไม่มีอีกแล้วที่จะมาตีกรอบไม่ให้สังคมไม่รับรู้ได้ วันนี้โซเชียลมีเดีย ทำได้โดยไม่ต้องมีใครหรือรัฐบาลมาบอกให้เราปฏิรูปสื่อ นี่คือจุดเริ่มต้นของการปฏิรูปสื่อแล้ว และเสรีภาพเท่านั้นทำให้สังคมเดินหน้าได้

“ผมปฎิเสธที่จะขึ้นเวทีปฎิรูปสื่อมานานเพราะไม่ชอบให้ใครมาชี้นิ้วสั่งให้เราต้องปฎิรูป เพราะเราปฏิรูปสื่อทุกวันอยู่แล้ว ทุกครั้งที่ประชุมข่าว ขณะนี้สังคมกำลังปฏิรูปอย่างใหญ่หลวง นักการเมืองต่างหากที่ล้าช้าไม่ทันสมัย ไม่ควรมาบอกว่าปฏิรูปสื่อหรือไม่ วันนี้ได้เวลาแล้วที่ต้องออกจากความเชื่อเก่าๆ สังคมจะบอกสื่อเราเองว่าสื่อต้องปฏิรูปอย่างไร สปอตขอโทษประเทศไทยเป็นจุดประกายเล็กๆ ที่นำไปสู่ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่”


บรรณาธิการอำนวยการเครือเนชั่น ยังกล่าวว่า การกระจายตัวของสื่ออย่างกว้างขวางทำให้เราต้องมาคุยเรื่องสื่อกันใหม่

สมาคมนักข่าวฯ องค์กรวิชาชีพต้องขยายกรอบจริยธรรมวิชาชีพกันใหม่ ทำให้บทบาทสื่อหลักที่เคยเป็นหมาเฝ้าบ้านจะค่อยๆหายไป เพราะโซเชียลมีเดียทำให้หมาเฝ้าบ้านมีเต็มบ้านเต็มเมือง ดังนั้นสังคมต้องเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากการใช้โซเชียลมีเดีย เชื่อว่าถ้าใช้เป็นจะช่วยตรวจสอบรัฐบาลที่แย่ นักการเมืองที่ห่วยได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วสื่อกระแสหลักก็ต้องลงมาเล่นในกติกาเดียวกันกับสื่อโซเชี่ยลมีเดีย

“ขณะนี้ทวิตเตอร์และเฟสบุ๊คเหมือนสี่แยกกลางเมืองมีคนมากมายมาคุยกัน นี่คือเสน่ห์กลางเมือง ซึ่งสังคมไม่ต้องห่วงว่านักข่าวจะมาแย่งพื้นที่ส่วนนี้จากสังคม คนในรัฐบาลใช้โซเชี่ยลมีเดียกันเยอะ แต่ก็ใช้แค่เพื่อประชาสัมพันธ์ ไม่ค่อยมารับฟังประชาชน”


นอกจากนี้  นายสุทธิชัย กล่าวอีกว่า การเกิดขึ้นของนักข่าวพลเมือง คือการตรวจสอบสื่อหลักครั้งที่หนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์

ซึ่งคนทำข่าวที่เน้นใช้โซเชี่ยลมีเดียมากๆ ต้องไม่หลงทางว่าคือคำตอบทั้งหมด ดังนั้นถ้าใครก็เป็นนักข่าวได้ ฉะนั้นนักข่าวจะต้องสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพต้องลึกและกว้างที่ต่างจากคนทั่วไปที่ทำได้ ฉะนั้นเราต้องปฏิรูปสื่อทุกเช้า ถ้าคุณไม่ปรับ ไม่มีคุณภาพ ก็จะกลายเป็นสื่อที่งี่เง่า ที่ประชาชนไม่ต้องการ และนักข่าวต้องเร็วกว่าประชาชนครึ่งก้าวเข้าโค้งไปมองเหตุการณ์ก่อน ถ้าเลยไปหนึ่งก้าวจะไม่เห็นประชาชน แต่ถ้าอยู่หลังประชาชนเมื่อใดสังคมไม่ให้อภัยคุณแน่


นายสุทธิชัย กล่าวถึงแนวทางการทำข่าวสืบสวนสอบสวนด้วยว่า  ไม่จริงที่นักข่าวทีวีไม่สามารถทำข่าวสืบสวนไม่ได้เพราะขึ้นอยู่ที่คุณภาพของคน

และไม่จำเป็นต้องทำข่าวตามกระแสของสังคม เสิร์ฟสังคม แต่จะต้องทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องดีต่อสังคม แม้สังคมอาจจะไม่เห็นด้วย
ทางออกคือต้องสร้างการทำสื่อแบบไม่มุ่งหวังกำไร (Non-Profit) เสนอให้สื่อลองใช้โซเชี่ยลมีเดียเป็นช่องทาง ประชาชนกับนักข่าวเสนอโครงการทำข่าวสืบสวน หรือให้ประชาชนขอมาว่าจะให้ทำข่าวเรื่องใดแล้วสนับสนุนทุนให้สื่อมีทุนเสรีอิระจริงๆ ด้วย


“คนไทยเวลาพูดว่าสื่อ พูดดี แต่ไม่เคยทำ สนับสนุนสื่อเลย อย่าลืมว่าสื่อก็เป็นลูกจ้างเขา ทางแนะคือ คนดูเปิดเว็ปบอกไปเลยว่าอยากให้ทำข่าวอะไรเชิงลึก แล้วจะสนับสนุน ข้อจำกัดคือโครงสร้างสื่อยังต้องใช้เงินมาบริหาร หากต้องการสื่อที่อิสระ สื่อต้องเป็นองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร และการปฏิรูปสื่อต้องไปถึงหน้าจอทีวีมีแต่นักวิชาการซ้ำซาก พูดเรื่องเดิมๆ พิธีกรถามเดิมๆ เป็นความมักง่ายด้วย”


วันนี้คนข่าวมีจิตวิญญาณทางวารสารศาสตร์หายไป ดังนั้นควรต้องสอนให้มีคุณภาพวารสารศาสตร์ตั้งแต่มัธยมศึกษา ส่วนที่ถามกันว่าหนังสือพิมพ์กำลังจะตายนั้น ตนเชื่อว่าวารสารศาสตร์จะไม่มีทางตาย


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์