รวมพลังชู ปฏิญญาธรรมศาสตร์ ป้องสถาบัน-ทำลายยุทธศาสตร์ ทรท.

รวมพลังชู ปฏิญญาธรรมศาสตร์ ป้องสถาบัน-ทำลายยุทธศาสตร์ ทรท.

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 24 พฤษภาคม 2549 23:55 น.

ชัยอนันต์-ปราโมทย์-สนธิ เปิดโปง ปฏิญญาฟินแลนด์ มีเจตนาทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ตกเป็นเบี้ยล่างของระบบทุนอันสามานย์ มีเป้าหมายนำไปสู่การรวมศูนย์รวบอำนาจเป็นทาสของหัวหน้าพรรค ทรท.เพียงคนเดียว จวกยับ ระบอบทักษิณ สุดอันตราย ประกาศชู ปฏิญญาธรรมศาสตร์ ปกป้องสถาบันฯ ด้วยชีวิต

การเสวนาเรื่อง ปฏิญญาฟินแลนด์ ยุทธศาสตร์ครองเมืองของไทยรักไทย ช่วงที่ 1
http://www.managerradio.com/Radio/DetailRadio.asp?program_no=1024&mmsID=1024%2F1024%2D1109%2Ewma&program_id=4415

การเสวนาเรื่อง ปฏิญญาฟินแลนด์ ยุทธศาสตร์ครองเมืองของไทยรักไทย ช่วงที่ 2
http://www.managerradio.com/Radio/DetailRadio.asp?program_no=1024&mmsID=1024%2F1024%2D1110%2Ewma&program_id=4416

วันนี้ (24 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีการเสวนาทางวิชาการเรื่อง ปฏิญญาฟินแลนด์ ยุทธศาสตร์ครองเมืองของไทยรักไทย โดยมี นายชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้บังคับการโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์อาวุโส และ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เข้าร่วม โดยมี นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง รักษาการ ส.ว.กทม.เป็นผู้ดำเนินการเสวนา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มเสวนา นายชัยอนันต์ ได้เริ่มด้วยการจุดเทียน เพื่อแสดงให้เห็นว่าบ้านเมืองมืดมิด

นายสนธิ เริ่มกล่าวเสวนาเป็นคนแรก โดยกล่าวถึงที่มาของปฏิญญาฟินแลนด์ ว่า เดิมทีได้รู้เรื่องดังกล่าวจากคนที่เคยอยู่กับพรรคไทยรักไทยแล้วมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯที่สนามหลวง เล่าให้ฟังว่า มีคนตัวอ้วนๆ คนหนึ่งยืนบนดาดฟ้าเรือระหว่างที่ท่องเที่ยวที่ฟินแลนด์ ว่า ถ้าทำสำเร็จจะ คว่ำฟ้าพลิกดิน ได้ทีเดียว จากนั้นก็มาเรียบเรียงปะติดปะต่อแล้วตรงกับปฏิญญาฟินแลนด์ใน 5 ข้อดังที่เคยมีการระบุเอาไว้ และจาการวิเคราะห์ของ อาจารย์ปราโมทย์วิเคราะห์เป็นข้อๆ แล้วจะตรงกันพอดี เพื่อต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ ตั้งแต่การเปลี่ยนบัตรข้าราชการโดยไม่มีตราครุฑ เป็นต้น

นายสนธิ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีการให้ฝรั่งบางคนเขียนหนังสือทำลายสถาบัน รวมทั้งมีวีซีดีทำร้ายสถาบันด้วย รวมถึงกรณีแต่งตั้งสังฆราชสองพระองค์ กรณีปลดคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.การข่มขู่กรณีโยกย้ายทหารจากนายทหารบางคน การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ และการซื้อเครื่องบินส่วนตัวก่อนซื้อเครื่องบินพระราชพาหนะ เป็นต้น ซึ่งประมวลแล้วทำให้คิดว่านี่เป็นกระบวนการทำลายทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์

นายเจิมศักดิ์ ถามว่า ต้องการให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นแค่สัญลักษณ์นั้นเป็นอย่างไร นายสนธิ กล่าวว่า ก็คือ เมื่อส่งเรื่องใดขึ้นไปพระองค์ก็ต้องเซ็นให้ ทำทุกอย่างเพื่อละเมิดพระราชอำนาจ ถึงกับบอกว่าไม่เคยมีใครสนใจคนจน ซึ่งพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไร เพราะในหลวงทำเพื่อพสกนิกรกว่า 60 ปีแล้ว

นายชัยอนันต์ กล่าวว่า ต้องไปเชื่อมโยงว่า มีพรรคการเมืองพรรคเดียวมีอำนาจเบ็ดเสร็จ หัวหน้าพรรคมีลักษณะอย่างไร มีการสร้างตัวบุคคลเป็นผู้นำมวลชน

การที่มีบุคคลคนหนึ่งเป็นผู้นำมวลชน การที่บุคคลคนหนึ่งทำอะไรมีคนมาแห่แหนจะไม่ทำกัน นอกจากมีแต่การรับเสด็จฯเท่านั้น สังคมไทยไม่เคยทำแบบนี้ นายชัยอนันต์ กล่าวและว่า มีการเตรียมการเรื่องนี้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน จะทำให้สถาบันถูกล้อมและถูกครอบงำได้

ส่วนการครอบงำระบอบราชการนั้น นายชัยอนันต์ กล่าวว่า ต้องการให้ข้าราชการเกิดความเกรงกลัว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า 5 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นการสร้างพรรคไทยรักไทย นอกจากเห็นแต่การสร้างทักษิณ เท่านั้น ซึ่งเป็นสำนึกใหม่เหล่านี้ทำให้โยงให้เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาชนห่างออกไป มีบทบาทแค่พิธีการเท่านั้น

นายชัยอนันต์ ยังตั้งข้อสังเกตถึงการย้ายผู้ว่าฯ ด้วยว่า เพื่อต้องการให้ขึ้นตรงต่อนายกฯมีการโยกย้ายอย่างผิดสังเกต แทนที่ผู้ว่าโดยทั่วไปจะอยู่เป็นเวลา 3 ปี แต่ให้เหลือแค่ 1 ปีเท่านั้น

นายปราโมทย์ กล่าวว่า ระบอบทักษิณ เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย จะทำให้ระบบสถาบันพระมหากษัตริย์ตกเป็นเบี้ยล่างของระบบทุนนิยมสามานย์ และว่า การที่จะครองเมืองไทยเบ็ดเสร็จจะต้องทำให้ทั้ง 5 ยุทธศาสตร์สำเร็จ ซึ่งจะเรียกว่าปฏิญญาฟินแลนด์ หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ไม่สำคัญเท่าอันตรายที่จะเกิดกับประเทศไทยแน่นอน

นายชัยอนันต์ กล่าวถึงกรณีผู้ว่าฯซีอีโอ ว่า ทำลายการปกครองของไทยอย่างไร โดยย้ำว่า เป็นการทำลายการปกครองส่วนท้องถิ่นโดยไม่ผ่าน อบต.หรือ อบจ.เห็นได้ชัดว่า เกิดการคอร์รัปชันอย่างขนานใหญ่ในประเทศไทยลงไปถึงระดับรากหญ้า โดยปราศจากการตรวจสอบ

นายเจิมศักดิ์ ถามว่า มีการปฏิรูประบบราชการจริงหรือไม่ นั้น นายชัยอนันต์ กล่าวว่า ถ้าจะทำให้ดีก็ทำได้ หรือถ้าต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมก็ทำได้ ก็จะให้จังหวัดตั้งงบประมาณเพื่อวัตถุประสงค์ให้ผู้ว่าฯซีอีโอ เพื่อตอบสนองผู้นำเท่านั้น หรือต้องการปฏิรูปเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อตั้งกระทรวงไอซีทีเพื่อดูแลธุรกิจโทรคมนาคม

นักวิชาการผู้นี้ ยังกล่าวอีกว่า การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ถ้ามีการกระจายทุนในตลาดทุนที่มีพรรคพวกในรัฐบาลเข้าไปควบคุมทุนรัฐวิสาหกิจได้ เพราะการเอารัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์เพื่อทำให้มูลค่าหุ้นของบริษัทตัวเองในตลาดหลักทรัพย์มีมูลค่าสูงขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นการแปลงสินทรัพย์ คือ เป็นการแปลงระบบทุนเต็มรูปซึ่งจะไปกระทบอำนาจดังเดิม ดังนั้น อำนาจจะอยู่ที่ผู้ถือทุนนั่นเอง

นายปราโมทย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชื่นชม นายดีโซโต้ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของอดีตประธานิบดีฟูจิโมริ ซึ่งถูกกล่าวหาว่ าทุจริตมากที่สุดคนหนึ่ง ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยนำเข้าเฝ้าฯมีการยกย่องแนวความคิดแปลงสินทรัพย์เป็นทุนหมด หมายความว่าเอาทุกอย่างไปจำนำ

ผมเสียใจที่ไม่เคยให้ความสำคัญกับพระราชดำรัสของพระเจ้าอยู่หัว ที่เคยตรัสเมื่อปี 2547 ที่บอกว่า มีนักเศรษฐศาสตร์คนหนึ่งนำมาพูดคุยใหญ่คุยโต เราไม่เชื่อสักอย่าง นายปราโมทย์ ระบุ และว่า การเอาทรัพย์สินของชาติเข้าตลาดหุ้นเป็นการฉ้อฉลเอาสมบัติชาติไปจำนำ ซึ่งเป็นวิธีคิดของสังคมนิยมสุดโต่งต้องการเป็นพรรคการเมืองพรรคเดียว

นายสนธิ กล่าวว่า การรื้อระบบราชการ มีผู้ว่าฯซีอีโอขึ้นตรงกับนายกฯเป็นการปูทางเพื่อทำให้จังหวัดเป็นนิติบุคคลในอนาคต รอการสร้างฐานมวลชนอย่างสมบูรณ์แบบต่อไป แล้วจากนั้นให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯแล้วส่งคนของตัวเองไป ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ว่าฯมณฑลของจีนที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ

นายเจิมศักดิ์ ถามว่า เมื่อเลือกผู้ว่าฯแล้วไม่ดีตรงไหน นายสนธิ กล่าวว่า การเลือกตั้งถ้าเกิดขึ้นตอนนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับมลรัฐ ซึ่งทักษิณ เป็นประธานาธิบดีไปแล้ว

นายปราโมทย์ กล่าวว่า ปฏิญญาฟินแลนด์ มีหรือไม่มีไม่รู้ แต่ที่ผ่านมา มีเลนินเคยไปฟินแลนด์แล้วมาโค่นล้มพระเจ้าซาร์ ส่วนทักษิณจะไปฟินแลนด์แบบเลนินหรือไม่ ไม่ทราบ แต่การใช้ทุนเข้ามาจัดการการเมืองไม่ใช่รวมศูนย์ อำนาจ แต่เป็นการรวบอำนาจเป็นทาสหัวหน้าพรรคเท่านั้น

นายปราโมทย์ ยังกล่าวติดตลกว่า ที่ผ่านมา ถ้า นานชัยอนันต์ และตัวเองมานั่งอยู่ด้วยกันบนเวทีแห่งนี้แล้วรัฐบาลจะต้องล้มทุกที และครั้งนี้ยังมีเพิ่มเข้ามาอีก คือ นายสนธิ และ นายเจิมศักดิ์ ด้วยแล้วขอให้อย่ากะพริบตาในสองอาทิตย์นี้

นายชัยอนันต์ กล่าวชี้แจงกรณีที่ทำนายว่า จะเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลภายในเดือนกรกฎาคม ว่า ในช่วงวันที่ 29 พ.ค.ถ้าหากศาลตัดสินว่า กกต.ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ กกต.ชุดนี้ก็ต้องไป หลังจากนั้น มีการเลือก กกต.ชุดใหม่แล้วพิจารณาเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กแล้วเป็นไปได้ว่าจะเกิดการยุบพรรคแล้วเกิดการเผชิญหน้าจากมวลชนที่สนับสนุนทักษิณ จนมีการแทรกแซงจากอำนาจบางอย่างซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ต้องไป

ผู้ดำเนินรายการแย้งว่า ระยะเวลาจะสั้นไปหรือเปล่า นายชัยอนันต์ กล่าวว่า ไม่สั้นไป เพราะอาจเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำไป

นายสนธิ กล่าวเสริมว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมดสภาพการเป็นนายกฯไปตั้งแต่วันที่ 5 เมษายนแล้ว โดยคืนวันที่ 4 หลังการเข้าเฝ้าฯแล้วมีการแสดงละครเกิดขึ้น จากนั้นวันที่ 5 เมษาก็ไปชอปปิ้งใช้หนังสือเวียนอ้างเหตุผลลาพัก โดยอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 215 ขอลาพักตลอดไปถือว่าลาออกไปแล้ว ดังนั้น ถ้าศาลปกครองตัดสินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมดสภาพการเป็นนายกฯ ครม.ทั้งคณะก็ต้องพ้นไปด้วย แต่ถ้าถึงวันนั้นถ้ายังไม่ไปก็ต้องเจอกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในตอนท้ายรายการ ได้มีการทำปฏิญญา (คำประกาศ) ร่วมกันของประชาชนและผู้ร่วมรับฟังการเสวนาให้ออกเป็น ปฏิญญาธรรมศาสตร์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยชีวิต ทำลายปฏิญญาฟินแลนด์ และเรียกร้องให้ประชาชนมาร่วมในปฏิญญาธรรมศาสตร์ให้มากที่สุด รวมทั้งมีการร่วมกันเผยแพร่ข่าวสารให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลอย่างทั่วถึงต่อไป

คำต่อคำเสวนา"ปฏิญญาฟินแลนด์"
http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9490000068255

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์