สุเทพ ซัด สมัคร เตือนสติอย่าอวดดีดูถูกประชาชน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน


มีสิทธิที่จะคิดนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย แต่สำคัญอยู่ที่ว่า ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นายสมัครแสดงออกมา เป็นความชัดเจนที่ประชาชนจะได้พิจารณาง่ายขึ้น ว่าจะเลือกแนวทางที่นายสมัครเสนอหรือไม่ สำหรับนายสมัครก็มีความชัดเจนว่า เขาทำงานการเมืองเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณและจะดำเนินการทำงานการเมืองเพื่ออดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน ขอให้ลองคิดดูว่าศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งพิจารณาคดีเสร็จแล้วมีบทลงโทษผู้กระทำผิด แต่ทันใดนั้นก็มาคิดทันทีเลยว่าจะทำอย่างไรเพื่อจะช่วยผู้กระทำผิด อย่างนี้เหมือนเป็นการต่อต้านลบล้างศาลรัฐธรรมนูญ ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพิจารณาในอีก 1-2 ปีจะเหมาะสมกว่าหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อีกปีสองปีค่อยมาคุยกันใหม่ มิฉะนั้นจะเป็นการปฏิเสธศาลรัฐธรรมนูญ 


เตือนสติอย่าอวดดีอย่าดูถูกประชาชน
 

ส่วนกรณีที่นายสมัครระบุว่า หากเป็นรัฐบาลจะยุบ คตส.นั้น นายสุเทพกล่าวว่าบังเอิญเอาใจช่วย คตส. ถ้า คตส.ไปตรวจสอบพบว่า มีอดีตผู้บริหารในรัฐบาล กระทำการทุจริตคอรัปชัน และได้มีการดำเนินการไปจนถึงขั้นส่งสำนวนให้ศาลพิจารณาคดี เป็นการทำประโยชน์ให้ ประเทศชาติอย่างเหมาะสมแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรที่ทำให้นายสมัครมั่นใจว่าจะได้เป็นรัฐบาล นายสุเทพตอบว่า คนก็มีสิทธิฝันกันได้ แต่ความเป็นจริงอยู่ที่ประชาชน นายสมัครอาจจะฝันไปต่างๆนานา

ต่อข้อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์หวั่นไหวหรือไม่ที่มีการประเมินว่า พรรคพลังประชาชนได้ไม่ต่ำกว่า 170 เสียง แต่พรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างมากที่สุด 120 เสียงเท่านั้น

นายสุเทพตอบว่า ขอขอบคุณที่ช่วยบอกเป้าหมาย จะได้พยายามเอาชนะพรรคพลังประชาชนให้ได้ ถ้านายสมัครตั้งเป้าจะได้ 170 เสียง ก็จะให้พรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างน้อย 180 เสียง ต่อข้อถามว่า คิดว่าประชาชนจะเลือกอำนาจเก่าหรือจะเลือกกลางเก่ากลางใหม่ แบบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพตอบว่า อย่าไปดูถูกประชาชน นักการเมืองอย่าอวดดี เมื่อวันเลือกตั้งมาถึงจะรู้ว่าประชาชนพิพากษาอย่างไร 


สมศักดิ์ ไม่สนอดีต ส.ส.ย้ายไป พปช.


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวหน้ากลุ่มมัชฌิมา กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่ามีผู้สมัครของกลุ่มมัชฌิมา ย้ายออกจากกลุ่มไปอยู่พรรคพลังประชาชนว่า ข้อเท็จจริงไม่ใช่แค่การย้ายออกอย่างเดียว แต่ยังมีการย้ายจากพรรคพลังประชาชนเข้ามาอยู่กับกลุ่มมัชฌิมาเหมือนกัน ส.ส.ที่ย้ายเข้าและย้ายออกได้แสดงความจำนง มาหลายเดือนแล้ว จึงไม่ใช่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมา เพราะรับทราบมานานแล้ว ส่วนเรื่องการควบรวมกลุ่ม ในขณะนี้ มีโอกาสความเป็นไปได้มากกว่า 90% โดยในอาทิตย์ หน้าคงจะเรียบร้อย ส่วนเรื่องรายละเอียดไม่อยากจะพูดถึง เพราะเกรงว่าประชาชนจะเกิดความสับสน รอให้ผู้รับ ผิดชอบในตรงนี้พูดเพียงผู้เดียว

ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรมของอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยจำนวน 111 คนนั้น
 
หลังจากวันที่ 30 พ.ค. ที่ตุลาการรัฐธรรมนูญประกาศยุบพรรค ทรท. กลุ่มมัชฌิมาได้มีการหารือในเรื่องนี้ ตั้งแต่ วันที่ถูกตัดสิทธิยุบพรรค ดังนั้น การที่พรรคการเมืองเก่าออกมาประกาศนิรโทษกรรม จึงสอดรับกับแนวคิดของกลุ่มเรา เนื่องจากกลุ่มมัชฌิมาก็มีคนที่อยู่ใน 111 ตนด้วยจำนวน 15 คน เราก็ได้รับผลกระทบ แต่การที่นายสมัครออกมาพูดคงไม่ได้หมายว่า เราจะต้องไปรวมกับเขา เพราะยังมีพรรคอื่นที่มีแนวคิดเรื่องการนิรโทษกรรม คงจะไปแก้ไขในระบบรัฐสภา
 

“น้องสมัคร” หนุนพี่ชายเป็นนอมินี
 

นายสุมิตร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย น้องชายนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ยอมรับว่าการพูดของนายสมัครครั้งนี้มีความเสี่ยงมากพอสมควร เนื่องจากถ้าคนไม่เห็นด้วยจำนวนมาก นายสมัครก็กลับมาเกิดไม่ได้ แต่สถานการณ์เช่นนี้ทั้ง คมช.และนายสมัครต้องถือว่า ต่างคนต่างเสี่ยง เมื่อนายสมัครกระโดดเข้ามาตรงนี้ ก็ต้องทำหน้าที่อย่างนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ต้องการล้ม คตส.เพราะว่ามีคดีของนายสมัครรวมอยู่ในนั้นด้วยใช่หรือไม่ นายสุมิตรตอบว่า แม้จะยุบ คตส.แต่คดีทุกอย่างยังอยู่ไม่ได้ล้มเลิกไป โดยเฉพาะคดีที่ไปถึงศาลแล้ว แม้จะล้ม คตส.ก็ถอนไม่ได้ ก็ต้องไปสู้กันต่อในชั้นศาล ยืนยันว่านายสมัครทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ อยากให้ความถูกต้องกลับคืนมาเท่านั้น
 

“มีคนพยายามโจมตีนายสมัครว่าเป็นนอมินีของ คุณทักษิณ ผมคิดว่าถ้าเป็นนอมินีทางความคิดก็ไม่ใช่เรื่อง ผิด เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ถ้าเป็นนโยบายที่มีประโยชน์ แล้วคุณสมัครรับมาทำต่อ มันจะผิดกฎหมายได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าคุณสมัครไปเป็นนอมินีเข้ามาโกงกินเมื่อไหร่ การเป็นนอมินีทางความคิดเป็นสิ่งที่ทำได้” นายสุมิตรกล่าว 


พปช.เดินหน้านิรโทษกรรม 111
 

วันเดียวกัน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน แถลงถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน มีแนวคิดนิรโทษกรรม 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยว่า เนื่องจากนายสมัครเห็นว่าบุคคลกรดังกล่าว ยังมีความสามารถที่จะทำงานให้กับบ้านเมือง แต่ต้องถูกตัดสิทธิ์การเมืองโดยคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ได้รับแต่งตั้งจาก คมช. ถูกวิจารณ์ถึงหลักการนำกฎหมายย้อนหลังวันที่ 19 ก.ย. 2549 มาใช้บังคับกับคดียุบพรรค การเสนอแนวคิดนี้ก็เพื่อไม่ให้บ้านเมืองเกิดความแตกแยกมากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่ากลุ่มการเมืองต่างๆที่รวมตัวกันขณะนี้ก็มีแนวคิดดังกล่าวเช่นเดียวกัน ก็เพราะมีบุคลากรถูกตัดสิทธิ์เหมือนกัน หากพรรคพลังประชาชนได้ ส.ส.เข้าสภา จะเสนอแนวคิดนี้สู่สภาเพื่อผลักดันให้สำเร็จ เรื่องนี้ไม่ใช่เอาชนะ แต่เป็นการเยียวยาฟื้นฟู ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็สามารถแสดงออกผ่านการลงคะแนนเลือกตั้งได้ อย่างไรก็ตาม พรรคคงไม่นำเรื่องนี้มาเป็นนโยบายหลักในการหาเสียง พรรคจะยังเน้นนโยบายเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชนเหมือนเดิม 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์