ย้อนถามคดีหมิ่นเบื้องสูง - แบ่งขั้วประชาราษฎร์!! ฝีมือใคร

ย้อนถามคดีหมิ่นเบื้องสูง - แบ่งขั้วประชาราษฎร์!! ฝีมือใคร

นายสนธิ ลิ้มทองกุล แถลงโต้หนีหมายจับ

โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 2 เมษายน 2549 17:44 น.

จากม็อบไล่ - ม็อบเชลียร์ แม้ว ถึงจุดวิกฤตการเมือง จนประชาชนแตกความสามัคคี เพราะถูกแบ่งขั้วทางความคิดแบบเบ็ดเสร็จ การแอบอ้างนำสถาบันเบื้องสูง มาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อหวังดิสเครดิตขบวนการล้มทักษิณ เพื่อเกมการเมือง ยิ่งล่อแหลมและน่าอันตรายยิ่ง และหากผู้ใช้อำนาจรัฐ ตกเป็นทาสรับใช้นักการเมือง จนเกิดภาวะสังคมวิปริต ผู้นำขาดจริยธรรม เจ้าหน้าที่รัฐกดขี่ห่มเหงประชาชน ความเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐ และฮือไล่รัฐบาลเผด็จการ ก็จะขยายกลายเป็นไฟลามทุ่ง ยากที่แก้ไข

ภายหลังบทสัมภาษณ์ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 24 มี.ค. 2549 หน้า 18 กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที หลังกลุ่มฝักใฝ่การเมืองฝั่งตรงข้ามนายสนธิ หยิบยกขึ้นมาโจมตี โดยดึงเบื้องสูงลงมา เพื่อโยงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมทั้งตั้งข้อหาว่า บทสัมภาษณ์ดังนั้นเข้าข่ายเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์

เพียงชั่วข้ามคืนผู้ที่ฝักใฝ่นักการเมืองซีกรัฐบาล ได้มีหนังสือลงวันที่ 28 มีนาคม 2549 ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินคดีกับ หนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก และนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในกรณีดังกล่าวด้วย

ขณะที่ สตช.โดย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.ได้ลงนามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 214/2549 เรื่อง แต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน โดยหนังสือดังกล่าว อ้างว่า ด้วยกระทรวงมหาดไทย ได้มีหนังสือลับด่วนที่สุด ที่ มท.0208.2/1176 ลงวันที่ 28 มีนาคม 2549 ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเจ้าพนักงานการพิมพ์ กรุงเทพมหานคร พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการตามกฎหมาย ในกรณีดังกล่าวอีกคดี

**ตั้งเพื่อนแม้ว สอบสนธิ

โดยคำสั่งนี้ได้แต่งตั้งพนักงานสืบสวนสอบสวน ให้ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นนายตำรวจรุ่น นรต. 26 เพื่อนของ ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่การสอบสวนเพื่อรวบรวบพยานหลักฐาน ก่อนสรุปสำนวนยังไม่เสร็จสิ้น มีการปล่อยกระแสข่าวว่า พนักงานสอบสวนกำลังออกหมายจับนายสนธิ ทั้งที่รู้กันดีว่าตำรวจไม่อำนาจ เพราะต้องขออนุมัติออกหมายจับศาลก่อน เช่นเดียวกับคดีที่ บช.ภ.3 เคยคิดที่จะจับ นายสนธิ แต่ถูกฟ้องศาล จ.ยโยธร สั่งเบรกจนหน้าหงายมาแล้ว

ด้าน นายชุมพล สังข์ทอง เลขานุการชมรมนักกฎหมายใต้ข้าพระบาท เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ผ่าน พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ เลขานุการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอรับทราบผลการพิจารณาคดีที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล แจ้งความดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในความผิดฐานร่วมกันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่จนถึงบัดนี้ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ

แม่ค้าซ.ละลายทรัพย์โห่ไล่แม้ว

**ตท.รุ่นเชลียร์แม้วออกโรง

ท่ามกลางความอึมครึมต่อการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบ ที่วางตัวไม่เป็นกลางที่ส่งสัญญาณชัดจะยืนเคียงข้างเป็นทาสรับใช้นักการเมือง กลุ่มคนมีสีนำโดยพล.ต.สุรสิทธิ์ ถาวร ผู้ทรงคุณวุฒิกองบัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย นายทหารจากกองบัญชาการทหารสูงสุด และกองทัพบก รวม 9 นาย ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นนายทหารรุ่น ตท.17, 18 ได้ตบเท้าเข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อให้ดำเนินคดีต่อนายสนธิ อีกคดี

สำหรับ พล.ต.สุรสิทธิ์ เป็นนายทหาร จบการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 18 ปัจจุบันช่วยราชการสำนักงานของ พล.อ.พรชัย กรานเลิศ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก รวมทั้งยังสนิทสนมกับ พล.ต.พฤณฑ์ สุวรรณทัต ผบ.พล.1 รอ.เพราะเคยรับราชการใน กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์มาด้วยกัน นอกจากนั้น นายทหารที่ร่วมเดินทางไปในครั้งนั้น ยังมาจากเตรียมทหารรุ่น 1720 ที่ส่วนใหญ่อยู่ในสำนักงานของ พล.อ.พรชัย เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกันพล.ต.อ.โกวิท ได้สั่งการให้สน.ปทุมวัน รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะดำเนินดคีกับกลุ่มพันธมิตรประชาชน เพื่อประชาธิปไตย ที่เดินทางไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานกกต. โดยประชาชนที่มาชุมนุมขอตรวจสอบยานยนต์ที่จะออกจากอาคาร เพราะเกรงว่าพล.ต.อ.วสาน เพิ่มลาภ ประธานกกต.จะหลบหนี

**สองมาตราฐานทาสรับใช้นักการเมือง

ขณะที่การชุมนุมของกลุ่มคาราวานคนจน นำโดยนายอรรถฤทธิ์ สิงห์ลอ ได้นำสมาชิกประมาณ 1,000 คน ไปชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก รับผิดชอบกรณีตีพิมพ์ข่าวที่หมิ่นสถาบันเบื้องสูง พร้อมกับได้ตั้งเต็นท์ขวางเส้นทางการจราจร และอุปกรณ์หุงหาอาหารมาพร้อมเพื่อปักหลักชุมอย่างต่อเนื่องและได้ทำการปิดล้อมอาคารเนชั่นทาวเวอร์ไม่ให้พนักงานผ่านเข้าออกโดยเด็ดขาด ทั้งที่ถือเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำให้ปราศาจากเสรีภาพ

มีเพียง พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช ผช.ผบ.ตร. ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ออกมาแก้ต่างหลังวันเกิดเหตุว่าตำรวจจะประสานกับผู้ชุมนุมให้ยุติสถานการณ์ได้ แต่หากเกิดเหตุรุนแรงขึ้นก็เชื่อว่าตำรวจภูธร ภาค 1 ก็จะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสมทบเพื่อระงับเหตุการณ์ได้

ม็อบจยย.จัดจ้างบุกสำนักงานนสพ.ผู้จัดการ

**หย่ามใจจ้างม็อบจยย.บุกผู้จัดการ
และดูเหมือนเหตุการณ์บุกล้อมอาคารเนชั่น กลุ่มคนรักทักษิณจะหย่ามใจ วันต่อมากลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างประมาณ 400 คัน ได้เดินทางมาถึงบริเวณหน้าบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่สำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อประท้วงนายสนธิ และแสดงพฤติกรรมถ่อย โดยพยายามบุกเข้าไปภายในบ้านเจ้าพระยา ซึ่งเป็นสำนักงานของเอเอสทีวี และปาสิ่งของเข้าใส่สำนักงานผู้จัดการ ขณะที่ม็อบจยย.บางส่วนรุมทำร้ายประชาชนที่ออกไม่โห่ไล่ทักษิณออกไป โดยชายคนดังกล่าวได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ก่อนที่สลายตัวกลับไป

โดยก่อนหน้านั้นกลุ่มม็อบจยย.ดังกล่าวนำโดย นายณรงค์ศักดิ์ มณี และนายสุรัช ไชยพันธ์ ได้เข้ายื่นหนังสือ เพื่อให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินคดีกับหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก และนายสนธิ ที่สตช.ฐานหมิ่นเบื้องสูง โดยเป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าแกนนำทั้งสองเป็น หัวคะแนนของ น.ต.ศิธา ทิวารี ส.ส.เขตคลองเตยพรรคไทยรักไทยนั่นเอง

**ปล่อยข่าวสนธิหนี

ขณะที่มีกลุ่มเชลียร์ทักษิณ ออกมาเคลื่อนไหว เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ "นายสนธิ " ขณะที่กลุ่มแกนนำพันธมิตรประกาศงดการชุมนุมชั่วคราวเพื่อให้การเลือกตั้งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ประกอบนายสนธิได้เดินทางไปผักพ่อนที่เมืองกุ้ยหลิน ประเทศจีน เนื่องจากเป็นสถานที่สวยงาม เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลังจากที่ต้องเคร่งเครียดและร่วมปักหลักกับม็อบกู้ชาติมายาวนานนับเดือน

จึงเป็นช่วงสบโอกาสจากคนในซีกรัฐบาล ฉกฉวยวาระพักผ่อนนำมาเป็นประเด็กอีกครั้งโดยประโคมข่าวตลอดช่วงสุดสัปดาห์ว่า นายสนธิได้หลบหนีออกนอกประเทศ

**สนธิยันตายเป็นตาย

โดยในช่วงเที่ยงวันอาทิตย์ (2 เม.ย.)นายสนธิได้เดินทางกลับ โดยสายการบิน cx 713 จากประเทศฮ่องกง โดยมีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแลความเรียบร้อยจำนวนนับสิบคน พร้อมเปิดบ้านพระอาทิตย์แถลงข่าวแก้ข้อกล่าวทันที โดยระบุว่าการเดินทางไปครั้งนี้ เพื่อไปผักผ่อนที่เมืองกุ้นหลิน เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สวยงาม ส่วนที่ไม่สามารถเดินทางกลับมาได้เมื่อวันเสาร์ที่ 1 เม.ย. เนื่องจาก ที่นั่งเต็ม

ส่วนข่าวที่ออกมาว่าตนหลบหนีนั้น เป็นการปล่อยข่าวของคนในรัฐบาล หลังจากที่ สตม.ทราบการเดินทางของตน จึงได้เอาประเด็นนี้ มาประโคมข่าวว่า จะมีการจับผม

"ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้คนที่ไม่รู้ข้อมูลที่แท้จริง เข้าไปผิดไปเช่นนี้ ทั้งๆที่ผมเป็นคนที่จงรักภักดี ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากกว่า นายกรัฐมนตรี หลายล้านเท่า และมากกว่านายทหารหลายคนที่เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผม และยืนยันว่าจะดำเนินการต่อสู้ทางการเมืองต่อไป ขอยืนยันคำเดิมว่าตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง "นายสนธิกล่าว

**ระวังหน้าแหกซ้ำรอย

ด้านนายสุวัตร์ อภัยภักดิ์ ทนายความ กล่าวว่า ในคดีหมิ่นพระพระบรมเดชานุภาพ ที่มีการแจ้งความและนำไปสู่ประเด็นทางการเมืองในขณะนี้ ยืนยันว่าไม่มีทางที่ พนักงานสอบสวนจะออกหมายจับ นายสนธิ ได้ เนื่องจาก การออกหมายจับตามประมวลกฎหมายวิธิพิจารณาความอาญา ได้ให้อำนาจต่อศาลในการออกหมายจับ ตำรวจไม่สามารถออกหมายจับได้ และหากพนักงานสอบสวนเสนอต่อศาล เพื่อขออนุมัติหมายจับนายสนธิ ตนในฐานะทนายความ ก็จะยื่นเพื่อซักค้าน เนื่องจากในวีซีดี การให้สัมภาษณ์ของนายสนธิ ไม่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เช่นเดียวกับ คดีที่มีการแจ้งความที่จังหวัดยโสธร ซึ่งตนได้ซักค้าน สุดท้าย ศาลก็ไม่อนุมัติออกหมาย ตามที่พนักงานสอบสวนเสนอในครั้งนั้น

นายสุวัตร กล่าวยืนยันอีกว่า นายสนธิ ไม่มีพฤติการณ์จะหลบหนี และเชื่อว่าหากพนักงานสอบสวนเสนอเพื่อออกหมายจับ และเมื่อตนเข้าทำการซักค้านแล้ว เชื่อว่าศาลจะไม่ออกหมายจับอย่างแน่นอน

สตช.บ่นกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ขณะที่ พล.ต.ท.อชิรวิทย์ โฆษกสตช.กล่าวว่าคดีนี้มีผู้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีทั่วประเทศแล้วรวม 37 ราย ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายเรียก หรือหมายจับ โดยการพิจารณาได้กระทำอย่างรอบคอบ โดยนำคำพิพากษาของศาลฎีกา 2 คดีมาเทียบเคียงกัน พร้อมกับได้ระดมอัยการ นักกฎหมาย และชุดสอบสวนมือดี มาร่วมกันพิจารณาอย่างรอบคอบ ขณะนี้ตำรวจอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ได้ เพราะทุกคนใช้ตำรวจ เป็นเครื่องระบายอารมณ์"

การเร่งดำเนินเฉพาะคดี นายสนธิพร้อมข่าวปล่อยว่า สนธิ หลบหนีการจับกุม เพื่อหวังดิสเครดิตแกนนำกลุ่มพันธมิตร ทั้งในเรื่องความเชื่อมั่นและหวังขจัดเสี้ยนหนามให้พ้นทาง เพียงเพื่อรักษาฐานอำนาจของตัวเอง แต่การดำเนินการของพนักงานสอบสวน หรือการร้องทุกข์ กับนายสนธิ ถึงวันนี้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ล้วนมีใบสั่งจากคนในซีกรัฐบาล จนพนักงานสอบสวนเกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะรัฐบาลนี้มักใช้กฏหมายหาความชอบธรรมให้ตนเองและพวกพ้อง "ระบอบทักษิณ"จึงถือเป็นปัญหาใหญ่ของแผ่นดิน ที่แนวร่วมเรือนแสน เรือนล้าน จะต้องร่วมแรงร่วมใจขจัดให้สิ้นซาก....

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์