รด.มีหนาว!เรียนแล้วต้องเกณฑ์ทหารต่อ 6 เดือน

รด.มีหนาว!เรียนแล้วต้องเกณฑ์ทหารต่อ 6 เดือน

ทบ.เล็งแก้กฎกระทรวง ยันเรียนรด.ต้องเกณฑ์ทหาร

จ่อให้อภิสิทธิ์เฉพาะคนเรียนจบปี 5 ชี้รด.3 ปียังฝึกไม่เข้มข้น รับยังแก้กม.ไม่ได้ในทันที แฉชายไทยแย่งเรียนรด.เลี่ยงเป็นทหาร ขู่ฟันพวกวิ่งเต้น-เสียเงินโกงเข้ารด. หวังพัฒนาระบบกำลังสำรองใหม่ให้ทัดเทียมนานาชาติ ลั่นทหารไทยต้องเก่ง-ฉลาด

วันนี้ 4 ก.พ. 56 พล.ท.วิชิต ศรีประเสริฐ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.)

ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มีแนวคิดที่จะให้ผู้ที่จบหลักสูตรนักศึกษาวิชาการทหารต้องเข้ามาเกณฑ์ทหารว่า เรื่องนี้ยังเป็นแนวคิด ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ในทันที แต่ที่ผ่านมาทางนรด.มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน เพราะอนุสัญญาเจนีวาห้ามไม่ให้เด็กฝึกอาวุธ จึงทำให้นศ.วิชาทหารไม่สามารถฝึกอาวุธได้อย่างเข้มข้นเทียบเท่าการฝึกทหารเกณฑ์ ซึ่งคนที่เรียนจบรด.ชั้นปีที่ 3 จะได้รับการแต่งตั้งเป็นทหารยศนายสิบ หากต้องออกมาปฏิบัติงานก็มีสิทธิปกครองผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะถ้าการฝึกผู้บังคับบัญชาอ่อนกว่าจะไปออกคำสั่งได้อย่างไร ดังนั้นจึงต้องมีการฝึก เพื่อให้สมกับที่มีการประดับยศเป็นผู้นำ

พล.ท.วิชิต กล่าวว่า ส่วนการผลักดันให้แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นได้นั้น จะต้องแก้ไขในระดับกฎกระทรวงกลาโหม
 
แต่ในส่วนพ.ร.บ.ส่งเสริมการฝึกวิชาทหาร พ.ศ.2503 คงไม่มีปัญหา เพราะไม่ได้กำหนดระดับชั้น เป็นเพียงการส่งเสริมด้านวิชาการเท่านั้น โดยในปีหนึ่งๆจะมีนศ.วิชาทหารกว่าแสนคน แต่เรียนจบจริงประมาณ 8 หมื่นคน โดยการฝึกวิชาทหารอยู่ภายใต้แนวคิดลูกผู้ชายไทยทุกคนต้องเป็นทหารที่มีวินัยสูงกว่าคนปกติ เพราะทหารมีอุดมการณ์สูงสุด คือ กล้าเสียสละชีวิตเลือดเนื้อ เพราะปกป้องประเทศชาติ ส่วนกรณีที่มีปัญหาว่า มีผู้ปกครองวิ่งเต้นให้บุตรหลานได้เรียนรด.เพื่อไม่ต้องการเป็นทหารเกณฑ์ นรด.เป็นหน่วยตรวจสอบไม่ใช่หน่วยบังคับบัญชา ซึ่งปีนี้จะมีการประชาสัมพันธ์ให้มากว่า อย่าไปเชื่อใครที่บอกว่า จะช่วยเหลือต่างๆ ได้

“กองทัพไม่ต้องการบุคคลที่ไม่แข็งแรงเข้ามาเป็นทหาร ถ้าโกงหรือวิ่งเต้นเข้ามาก็ต้องเจอกัน อย่าคิดว่า เสียเงินแล้วสามารถวิ่งเต้นได้ เพราะบางคนมีบุตรชาย แต่ไม่อยากให้เป็นทหาร ขอย้ำว่า การเป็นทหารไม่ได้โหดร้ายอย่างที่คิดและเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชายไทย ผมให้เกียรติทหารทุกคนที่ทำงานเพื่อประเทศชาติและกองทัพ ทั้งนี้ยอมรับว่า หากเปิดให้มีการเรียนรด.มากขึ้นจะเกิดความเหลื่อมล้ำแน่นอน เพราะคนที่เรียนรด.ได้ คือ คนที่จบม.3  และต้องกำลังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเท่านั้น ส่วนคนที่ไม่ได้เรียนต่อจบม.3 แล้วเข้าสู่ตลาดแรงงานจะไม่มีโอกาสได้เรียนรด.และจำเป็นต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารแทน ผมมองว่า ไม่ยุติธรรม แต่หากเปิดให้เรียนรด.100 เปอร์เซ็นต์ ถามว่า แล้วจะเอาใครมาเป็นทหารเกณฑ์ เพราะกองทัพต้องมีทหาร”พล.ท.วิชิต กล่าว

ด้านพล.ต.ทวีชัย กฤษิชีวิน ผู้บัญชาการศูนย์การกำลังสำรอง กล่าวว่า ต้องเข้าใจว่า นศ.วิชาทหารชั้นปีที่ 3 ปัจจุบันไม่ต้องเป็นทหาร

ทำให้มีการแย่งชิงกันเข้าเรียน และเกิดความไม่ยุติธรรมขึ้น ส่วนใหญ่เป็นคนที่มีเงินที่ไม่ต้องการให้ลูกเป็นทหารด้วยการมาเรียนรด. ทั้งนี้ในอนาคตจะต้องพูดคุยว่านศ.วิชาทหารที่เรียนจบชั้นปีที่ 3 แล้วอาจจะต้องเป็นทหารต่อประมาณ 6เดือนเหมือนกับผู้ที่เรียนจบปริญญาตรี โดยใช้สิทธิสมัคร ส่วนนศ.วิชาทหารที่เรียนจบชั้นปีที่ 5 นั้นไม่ต้องเป็นทหารต่อ แต่ถ้านศ.วิชาทหารที่เรียนจบชั้นปีที่ 3 แล้วไม่ต้องการเป็นทหารจะต้องเรียนให้จบชั้นปีที่ 5 ที่สำคัญกฎหมายสากลระบุว่า เด็กไม่สามารถฝึกอาวุธได้ จึงจำเป็นต้องขยายหลักสูตร โดยปรับไปอยู่ชั้นปีที่ 4-5 เพื่อจะได้มีความเชี่ยวชาญด้านการทหารมากขึ้น ไม่เช่นนั้น นศ.วิชาทหารชั้นปีที่3 ยังไม่ทันยิงปืนเป็นก็เรียนจบแล้ว ซึ่งแนวคิดนี้น่าจะยุติธรรมที่สุด ถ้าไม่ทำแบบนี้อาจจะเป็นการเอาเปรียบคนยากจนได้ ทางกองทัพต้องหาวิธีการเพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคม ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดี ซึ่งจะต้องไปศึกษารายละเอียด

พล.ต.ทวีชัย กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีนศ.วิชาทหารชั้นปีที่ 1-3 ทั่วประเทศประมาณ 3แสนกว่าคน
 
ซึ่งถือว่ามีจำนวนมาก ส่วนชั้นปีที่4-5 มีอยู่ประมาณหมื่นกว่าคน จึงทำให้เกิดการแย่งกันเข้าเรียนรด.เพื่อไม่ต้องเป็นทหาร แต่คนที่เรียนชั้นปีที่4-5 ต้องใจรักจริง โดยจะได้ยศเทียบเท่า ร.ต. เพื่อเป็นเกียรติยศและศักดิ์ศรี ส่วนนศ.วิชาทหารที่เรียนชั้นปีที่3 จะได้ยศเทียบเท่ายศนายสิบ ในฐานะที่ตนเป็นครูฝึกและเป็นหน่วยที่รับผิดชอบต้องการให้นศ.วิชาทหารเหล่านี้เรียนจบชั้นปีที่5 เพื่อศักดิ์ศรีตนเองและปลูกฝังเรียนรู้เรื่องวิชาทหาร โดยเฉพาะการช่วยเหลือสังคม ทั้งนี้ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยใช้ทหารกำลังสำรอง และเมื่อ 10 ปีที่ผ่านก็เพิ่งฟื้นฟูระบบกำลังสำรอง เพื่อจัดให้เป็นรูปแบบระบบใหม่ โดยจะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับประเทศสิงคโปร์ อังกฤษ สหรัฐฯที่มีการพัฒนาเรื่องนี้พอสมควร โดยเฉพาะสิงคโปร์เป่านกหวีดปรี๊ดเดียวก็มีกำลังพล 2 กองพลพร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที

“นศ.วิชาทหารของไทยมีระดับการเรียนเกรด 3-4  ถือว่ามีสติปัญญาดี แต่เมื่อมาฝึกระยะสั้นจะไม่ได้ผล แม้ว่าครูฝึกจะมีการสอนภาคปฏิบัติต่างๆ ก็ยังไม่เกิดเป็นรูปร่าง แต่ถ้าเรียนต่อไปถึงปี 5 จึงจะสมบูรณ์ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ถ้านำคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือมาเกณฑ์ทหารนั้น ความรู้ความสามารถอาจจะน้อยกว่าผู้ที่เรียนหนังสือ กองทหารที่พัฒนาแล้วจะต้องมีทหารที่มีสติปัญญา เพราะนอกจากกำลังกายแล้วสติปัญญาก็สำคัญ กองทัพต้องมีการพัฒนา แต่ที่ผ่านมาไม่มีโอกาสได้เลือก  อย่างไรก็ตามแนวคิดดังกล่าวจะต้องไปแก้ไขที่กฎกระทรวงกลาโหม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร กองทัพไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ เพราะทุกอย่างเป็นกฎหมายหมด  และคิดว่าคงยังไม่เกิดในเร็วนี้” พล.ต.ทวีชัย กล่าว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์