รัฐบาลกัมพูชาเข้าใจ ฐปนีย์ ไม่มีเจตนาหมิ่นเจ้าสีหนุ

รัฐบาลกัมพูชาเข้าใจ ฐปนีย์ ไม่มีเจตนาหมิ่นเจ้าสีหนุ


เมื่อวันที่ 18 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีชัย ผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 

กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าสังคมออนไลน์ของกัมพูชาแสดงภาพของน.ส.ฐปณีย์ ที่สวมชุดกระโปรงสีดำ กำลังทำพิธีกราบขออภัยโทษต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จ พระนโรดม สีหนุ แต่ไม่ได้ถอดรองเท้าคัตชูสีดำที่สวมใส่อยู่ ซึ่งมีการกล่าวประณาม ว่า ตนรู้สึกเสียใจและไม่สบายใจที่ยังถูกนำไปขยายผล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ  

 ทั้งนี้ ตนได้ร่างจดหมายของตัวเอง เป็นภาษาอังกฤษ ถึงประชาชนชาวกัมพูชา โดยตนจะนำไปยื่นผ่านอัครราชทูตกัมพูชา ที่สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ในวันที่ 19 ต.ค.นี้ เพื่อขอโทษและแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น ซึ่งถูกนำไปประเด็นสร้างความไม่เข้าใจในสื่อออนไลน์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งตนขอยืนยันว่าการที่ตนไม่ได้ถอดรองเท้าคัตชู ขณะทำพิธีกราบขออภัยโทษต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จ พระนโรดม สีหนุ นั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นการทำผิดขั้นตอนของกัมพูชา และไม่ทราบว่าการกระทำตามแบบประเพณีจริงๆของชาวกัมพูชานั้นเป็นอย่างไร แต่ตนได้ทำพิธีดังกล่าวต่อหน้าของเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย โดยทำตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ของทางการกัมพูชาทุกประการ

 วันเดียวกัน โฆษกกองการข่าวและโต้ตอบเร็วของกัมพูชา ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่รูปภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่เคารพรักของประชาชนกัมพูชากับผู้สื่อข่าวประจำสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทย น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีชัย และที่กลุ่มผู้ไม่หวังดี (อคติ) และกลุ่มที่ชอบสร้างกระแสบางกลุ่มได้โพสต์รูปตามเว็บไซต์สังคมออนไลน์ เฟซบุ๊ก ซึ่งแสดงเกินความเป็นจริง อันอาจทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิด ว่า

 1. ตามแหล่งข่าวความเป็นจริง ทราบว่าผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้ขอยืมหนังสือพิมพ์ 1 ฉบับจากผู้สื่อข่าวชาวกัมพูชาเพื่อนำไปศึกษาเกี่ยวกับชีวประวัติของสมเด็จพระนโรดมสีหนุ หลังจากนั้น ผู้สื่อข่าวไทยคนดังกล่าวได้เริ่มต้นรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปของพระราชพิธีฯ ในขณะนั้น ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวได้วางหนังสือพิมพ์พร้อมกับสมุดบันทึกและโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนบนพื้นเพื่อทำการรายงานข่าว หลังจากนั้น ในช่วงกลางวันได้มีข่าวรูปพระบรมฉายาลักษณ์ปรากฏใต้เท้าของผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวเผยแพร่ทาง เฟซบุ๊ก

 หลังจากที่ได้รับข่าวที่เผยแพร่ทาง เฟซบุ๊กนี้ ที่อาจกระทบจิตใจประชาชนกัมพูชาและอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น รวมทั้งโดยกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองประเทศ ผู้สื่อข่าวไทยคนดังกล่าวมีความกังวลและหวาดกลัวอย่างมาก และได้เดินทางไปกราบขอพระราชทานอภัยโทษต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ฯ ที่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวังโดยทันที

 2. เมื่อ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา เมื่อเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ น.ส.ฐปณีย์ เอียดศรีชัย และนายมงคล เจริญ รองผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทย ได้เดินทางไปคุกเข่ากราบขอพระราชทานอภัยโทษและขอโทษต่อประชาชนกัมพูชาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย

 3. ในวันเดียวกันนั้น สถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทยได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงความเป็นจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยืนยันว่ามิได้มีเจตนาที่จะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือแสดงความไม่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพรักของประชาชนกัมพูชา เพราะ ณ ขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวพระราชพิธีพระบรมศพที่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวต้องวางสัมภาระส่วนตัวต่างๆ โดยมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ สมุดบันทึก และหนังสือพิมพ์ที่มีพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนโรดมสีหนุ ที่ตีพิมพ์หลังจากที่เสด็จสวรรคต และวางบนพื้นโดยไม่เจตนา ซึ่งได้วางห่างจากตัวพอสมควร แต่รูปภาพที่มีการเผยแพร่ทาง เฟซบุ๊ก เป็นภาพที่ถ่ายจากด้านข้างเยื้องมาทางด้านหลัง ทำให้ดูเหมือนของทั้งหมดอยู่ใกล้กับเท้า

 อย่างไรก็ดี ทั้งผู้สื่อข่าว น.ส.ฐปณีย์ฯ และผู้แทนสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ของไทย ได้แสดงความเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และได้ทำการขออภัยโทษต่อรัฐบาลและประชาชนกัมพูชา และหวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสอง

 เกี่ยวกับปัญหาที่อ่อนไหวนี้ เมื่อ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้โทรศัพท์ถึงนาย ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงความเสียใจต่ออุบัติเหตุที่มิได้เกิดจากความตั้งใจนี้ และผู้นำของประเทศทั้งสองได้ทำความเข้าใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วระหว่างวันที่ 16-17 ต.ค. ที่ผ่านมา

 โฆษกกองการข่าวและโต้ตอบเร็วของสำนักนายกรัฐมนตรีหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชนกัมพูชาที่อยู่ในช่วงเศร้าเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนโรดมสีหนุฯ จะมีความเข้าใจต่อเหตุการณ์ความเป็นจริง และหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจเกิดจากการยุยงส่งเสริมของผู้ไม่ประสงค์ดี (ผู้มีอคติ) ที่ประสงค์จะสร้างความไม่สงบในสังคม และสร้างความไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง ตลอดจนการสร้างความเป็นศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองของคนบางกลุ่ม  เพื่อหลอกลวงความเห็นของสาธารณชนและทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประชาชนและรัฐบาลของกัมพูชาและไทย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์