องอาจชี้ผู้ชายต้องรับผิดชอบ2002ศพทารก

รมต.สำนักนายกฯชี้ผู้ชายส่วนสำคัญเกิด2,002ศพทารก อย่าประณามเเต่หญิง ชี้แม่อายุน้อยลง อิทธิพลเว็บไซต์ เด็กขลุกนานกว่าหนังสือ 6เท่า

ความตอนหนึ่งว่า จากกรณีพบซากทารก 2,002 ศพที่วัดไผ่เงินฯ เป็นเครื่องยืนยันปัญหาทำแท้งในสังคมไทยที่ต้องได้รับการแก้ไข

โดยเฉพาะคนเป็นต้นตอของปัญหาคือผู้ชายที่ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับ แต่ที่ผ่านมาตั้งแต่มีข่าวยังไม่เคยมีใครสอบถามหรือพูดถึงเท่าใดนัก ทั้งที่ความจริงแล้วผู้มีส่วนทำให้เกิดทารก 2,002 ศพคือผู้ชาย ขณะที่สังคมส่วนหนึ่งอาจประณามผู้หญิงและคนที่ลงมือทำแท้ง รวมถึงสัปเหร่อวัด ซึ่งการแก้ไขปัญหาเรื่องการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมนี้จะต้องมีการยกระดับให้สูงขึ้น โดยทุกภาคส่วนจะต้องรณรงค์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป 

นายองอาจ กล่าวว่าปัจจุบันปัญหาการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อมของวัยรุ่นทวีความรุนแรงมากขึ้น

เห็นได้จากข้อมูลอัตราการคลอดบุตรของมารดาที่อายุน้อยกว่า 20 ปี จากปี 2547 อยู่ที่ 13.86% แต่ปี 2552 ตัวเลขอยู่ที่ 16 % ซึ่งสาเหตุสำคัญเกิดจากอิทธิพลของสื่อ โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ต ที่เด็กใช้เวลาอยู่ด้วยมากกว่าหนังสือถึง 6 เท่า รวมถึงการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษา ในประเทศไทยที่ยังไม่พัฒนา ขณะที่อายุเฉลี่ยของวัยรุ่นที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์มีแนวโน้มที่ลดลงเรื่อยๆ จากเดิมที่มีอายุระหว่าง 18-20 ปี ปัจจุบันเริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนอายุ 15-16 ปี 

นายองอาจ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการแก้ไขกฎหมายทำแท้งนั้น กฎหมายมีความครอบคลุมแล้วและเปิดโอกาสให้แพทย์วินิจฉัยให้นำทารกในครรภ์ออกได้

หากจะเป็นอันตรายต่อแม่ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ส่วนกรณีมีการตั้งครรภ์ขณะกำลังศึกษาอยู่นั้น สำหรับตนแล้วควรให้โอกาส ส่วนกรณีของซากทารก 2,002 ศพจะเผาหรือฝังนั้น ขณะนี้ต้องรอให้สถาบันนิติเวชชันสูตรศพให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรเพราะมีจำนวนมาก ขณะที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) แจ้งด้วยวาจาว่า สามารถดำเนินการได้ทั้งเผาและฝัง ขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้ทั้ง 2 อย่างจนกว่านิติเวชจะตรวจสอบเรียบร้อยก่อน ทั้งนี้หากดำเนินการชันสูตรศพเรียบร้อยแล้วคงจะมีการพิจารณาเรื่องการฝังต่อไป ซึ่งตามหลักคงให้มูลนิธิต่างๆ นำไปฝังต่อไป 

ด้าน น.พ.อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) กล่าวว่า

การแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ของเด็กวัยรุ่นก่อนวัยอันควรเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เนื่องจากไม่มีหน่วยงานหรือองค์กรใดเป็นเจ้าภาพอย่างชัดเจน และไม่ว่ารัฐบาลชุดใดก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเบ็ดเสร็จหากไม่มีองค์กร หน่วยงานต่างๆ ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ ที่สำคัญเมื่อเด็กตังครรภ์มาแล้วจะต้องไม่ประณามผู้หญิง เพราะเขาเป็นเพียงเหยื่อของสังคมเท่านั้น ดังนั้นจึงมีการนำประเด็นดังกล่าวเข้าไปหารือในที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 15-17 ธ.ค.ที่ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ซึ่งเชื่อว่าทุกภาคส่วนจะร่วมกันหาทางออกและเสนอแนวทางต่อรัฐบาลต่อไป


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์