สธ.เร่งร่างประกาศห้ามขายน้ำเมา แต่ยังไม่กำหนดโทษ นัดประชุมสสจ.

สธ.เร่งร่างประกาศสำนักนายกฯ 2 ฉบับ ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน 4 วันพระใหญ่และสถานที่ห้ามดื่ม

เล็งห้ามซดบนรถทุกชนิด ยกเว้นรถไฟ-เครื่องบิน ส่วนโทษฝ่าฝืนยังไม่ได้กำหนด ต้องหารือกันอีกครั้ง "เสธ.หนั่น"นัดประชุม สสจ.-ผู้การตำรวจ รณรงค์ลดอุบัติก่อนสงกรานต์ 1 สัปดาห์
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เร่งจัดทำร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนา 4 วัน ได้แก่ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ตลอด 24 ชั่วโมง และร่างประกาศกำหนดสถานที่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภายหลังที่คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ที่มี พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ.กล่าวว่า สธ.อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 ฉบับ

โดยเฉพาะพื้นที่ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต้องพิจารณาให้รอบคอบในเรื่องถ้อยคำในประกาศว่า จะใช้คำใด ในเบื้องต้น อาจจะใช้คำว่า ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนยานพาหนะบนท้องถนน ซึ่งรวมถึงรถประเภทอื่นๆ ที่วิ่งบนถนน ไม่เฉพาะแต่รถกระบะและจักรยานยนต์เท่านั้น รวมถึงฉิ่งฉับทัวร์ เนื่องจากส่วนใหญ่ที่เกิดอุบัติเหตุเป็นผลจากความสนุกสนาน เฮฮาแล้วผู้โดยสารยื่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้คนขับดื่ม แต่หากใช้คำว่า ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนยานพาหนะทุกชนิด จะรวมถึงรถไฟ และเครื่องบินด้วย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยร่างประกาศสำนักนายกฯทั้ง 2 ฉบับ จะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะเสนอให้ พล.ต.สนั่น พิจารณา ก่อนออกเป็นประกาศสำนักนายกฯ สำหรับบทลงโทษของผู้ที่ฝ่าฝืนประกาศทั้ง 2 ฉบับต้องหารืออีกครั้ง 


นายมานิตกล่าวว่า วันที่ 3 เมษายนนี้ พล.ต.สนั่น ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)

และนายตำรวจระดับผู้บังคับการทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมหารือถึงแผนการรณรงค์การลดอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมถึงจะมีการชี้แจงเกี่ยวกับมาตรการการห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วยว่า มีรายละเอียดอย่างไรบ้าง และจะเริ่มรณรงค์ก่อน 1 สัปดาห์ก่อนถึงเทศกาลสงกรานต์ โดยจะพยายามที่จะไม่ให้การรณรงค์ไปทำให้เทศกาลหมดสนุก 


"มาตรการลดอุบัติเหตุจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปีนี้ถือว่าฉีดยาแรง เพราะไม่เพียงออกประกาศทั้ง 2 ฉบับเท่านั้น แต่จะมีการเพิ่มจุดตรวจวัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทุกหมู่บ้านบนถนนสายรองและการรณรงค์ที่เข้มขึ้นกว่าเดิมควบคู่ไปด้วย หลังจากผ่านช่วงเทศกาลไปแล้วจะมีการประเมินผลว่ามาตรการต่างๆ เหล่านี้ประสบความสำเร็จในการลดอุบัติเหตุหรือไม่ ถ้าอุบัติเหตุยังอยู่ในระดับที่สูงหรือไม่ลดลงในระดับที่น่าพอใจ สธ.ก็จะนำปัญหาไปชี้ให้คณะกรรมการฯทราบเพื่อพิจารณาออกมาตรการห้ามขายในช่วงเทศกาลต่อไป แต่หากประสบผลสำเร็จดีก็จะนำมาตรการเหล่านี้ไปใช้ในเทศกาลอื่นๆ ด้วย" นายมานิตกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมั่นใจได้อย่างไรว่า เมื่อไม่มีมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วจะสามารถลดอุบัติเหตุลงได้

นายมานิตกล่าวว่า มั่นใจว่าอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ปีนี้จะลดลง เพราะมีมาตรการรณรงค์อย่างเข้มงวด มีจุดตรวจวัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกหมู่บ้าน ทุกถนนสายรอง ซึ่งเป็นถนนที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด รวมทั้งยังเข้มงวดเรื่องบทลงโทษมากกว่าทุกปี โดยกวดขันผู้ขับขี่รถยนต์ทุกชนิดให้ขับขี่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ปีนี้จะไม่มีการตั้งเป้าจำนวนอุบัติเหตุว่าจะต้องลดจำนวนครั้ง จำนวนผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ พิการลงเท่าใด จะนำตัวเลขจำนวนอุบัติเหตุ จำนวนคนเสียชีวิต และคนบาดเจ็บมาประเมินผลว่า มาตรการการรณรงค์ได้ผลหรือไม่ ถ้ายังไม่ได้ผลจะหามาตรการใหม่มาดำเนินการต่อไป โดยอาจจะนำมาตรการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ สธ. เคยเสนอไปก่อนหน้านี้มาพิจารณาใหม่


ด้านนายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ

ชี้แจงถึงกรณีเป็น 1 ใน 8 ของคณะกรรมการฯที่ลงคะแนนเสียงไม่เห็นด้วยกับการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่าไม่ได้เห็นด้วยกับการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่มองว่าหากมีการห้ามขายก็มีการลักลอบขายอยู่ดี จึงเห็นว่าควรเปิดโอกาสให้ขายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้ เพราะต้องยอมรับว่าการปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลมันเป็นไปไม่ได้ แต่จะต้องไปเน้นมาตรการควบคุมอย่างอื่นแทน เช่น การห้ามดื่มกรณีการขับรถฉิ่งฉับทัวร์ ท้ายรถกระบะและรถจักรยานยนต์ต้องห้ามโดยเด็ดขาด


"กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขอร้องกลางที่ประชุมว่า ปีนี้ขออย่าพึ่งให้มีการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ เนื่องจากเศรษฐกิจทรุด และมีการโปรโมตการท่องเที่ยวมาตลอดทั้งปี หากต้องเผชิญกับมาตรการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นักท่องเที่ยวจะหนีหมด จึงขอให้ผ่านพ้นปีนี้ไปก่อน จากนั้นให้ดูสถานการณ์เศรษฐกิจในปีหน้า ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นจึงค่อยนำเรื่องนี้กลับมาพิจารณาใหม่ นายอิสสระกล่าว และว่า หากใครจะเคลื่อนไหวและยื่นถอดถอนให้พ้นตำแหน่งก็สุดแล้วแต่ เพราะตัดสินเรื่องนี้ตามสภาพความเป็นจริงของสังคม ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของใคร"

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์