เมินคำสั่งศาล เนวิน ส่ออุ้มไอทีวี

ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม. ว่าตนได้นำคำพิพากษาศาลปกครองหารือกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งทางเลขาธิการฯนั้นเห็นว่า เมื่อมีคำพิพากษาอย่างนั้นแล้วในหลักการน่าจะต้องมีการสอบข้อเท็จจริงว่าเกิดเหตุการณ์อย่าง นี้ได้อย่างไร ทั้งนี้จะต้องแยกเป็น 2 ประเด็น คือ 1. ผลคำพิพากษาศาลปกครองที่ชี้ว่าสัญญาไม่ชอบนั้นการดำเนินการสอบข้อเท็จจริงนั้นคงจะต้องให้สำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง 2. การบังคับตามสัญญาที่เกิดขึ้นจากคำพิพากษาศาลปกครองนั้นคงต้องทำตามกระบวนการสัญญา เพราะฉะนั้นการดำเนินการในเรื่องนี้มีการดำเนินการคู่ขนานกันทั้ง 2 ทางซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน และคงต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่อง จากมีเรื่องที่ต้องรอหารือมาก เช่น ต้องหารือว่า ข้อพิพาทเกิดขึ้นต้องมีกระบวนการต่าง ๆ 1. อัยการจะพิจารณาข้อโต้แย้งในเรื่องอัตราค่าปรับ 2. ข้อโต้แย้งในเรื่องระยะเวลาปรับ 3. การบังคับสัญญาตามคำพิพากษาจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่งเราต้องฟังความคิดเห็นของฝ่ายกฎหมาย

นายเนวิน กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับรายงานมีเพียงทางสปน.ได้รายงานให้ทราบว่าได้ทำหนังสือแจ้งไปยังไอทีวีเกี่ยวกับมติของที่ประชุม เพื่อให้มีการบังคับให้เป็นไปตามสัญญาตามที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษา ขณะนี้เพียงรอว่าทางไอทีวีจะตอบกลับอย่างไร หากมีข้อโต้แย้งกลับมาก็ต้องหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาหรืออัยการว่าข้อโต้แย้งเกิดขึ้นอย่างไร

สปน.เป็นหน่วยงานของรัฐไม่ควรหากำไรจากเอกชน โดยเฉพาะส่วนต่างเรื่องค่าชดเชย นายเนวิน กล่าวว่า ตอนนี้ในสังคมมีความเห็นเป็น 2 ข้างซึ่งตนคงให้ความเห็นไม่ได้ อยู่ที่คนที่มีอำนาจหน้าที่จะพิจารณา เช่น การให้ความเห็นในแง่กฎหมายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากคำพิพากษาศาลปกครองมีความคิดเห็นอย่างไร ในแง่เจตนารมณ์ของสัญญาอัยการมีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งต้องให้หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ให้ความคิดเห็นไม่ใช่ให้รัฐมนตรีให้ความคิดเห็น นายเนวิน กล่าวต่อว่า สปน. คงต้องหารือกับคณะกรรมการกฤษฎีกาและอัยการด้วยว่า เมื่อเกิดเหตุสัญญาบางข้อผิดพลาดแล้ว สัญญาที่ทำมา นั้นถือว่าโมฆะหรือผิดพลาดทั้งฉบับ หรือเฉพาะข้อนั้น ซึ่งผลของการพิจารณาเรื่องนี้จะออกมาแตกต่างกัน.


แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์เดลี่นิวส์