พบอีกรายใหม่ ทารกแฝดสยาม

สาวใหญ่ภรรยาหนุ่มพนักงานโรงงานผลิตรองเท้าย่านเมืองปากน้ำ คลอดทารกแฝดสยามหน้าอกติดกัน

วอนเมตตาจิตช่วยเหลือผ่าแยกร่างรายนี้เปิดเผยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 ต.ค.ที่ห้องประชุมสำนักงานผู้อำนวยการ รพ.สมุทรปราการ ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ นพ.ชลิต ทองประยูร รักษาการ ผอ.รพ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางกุมารแพทย์ของโรงพยาบาลได้ผ่าตัดทำคลอดทารกแฝดสยามเป็นเพศหญิงน้ำหนักตัว 2,500 กรัมเท่ากันทั้งคู่ โดยทารกทั้งสองมีร่างกายติดกันตั้งแต่ช่วงอกลงมาถึงหน้าท้องและใช้สายสะดือร่วมกัน โดยพ่อแม่ของเด็กได้ตั้งชื่อลูกสาวแฝดทั้งสองคือ ด.ญ.ณัฐริกา พันพิทักษ์ หรือ “น้องขิง” และ ด.ญ.กรรณิการ์ พันพิทักษ์ หรือ “น้องข่า” ถือว่าเป็นเด็กแฝดสยามคู่แรกของจังหวัดสมุทรปราการ


ทั้งนี้ นพ.ณัฐกร วงศ์สังข์ กุมารแพทย์ 8 รพ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า มารดาของทารกแฝดสยามรายนี้ชื่อ น.ส.รักดาว พิมพ์พันธ์ อายุ 31 ปี ได้เดินทางมาทำคลอดที่โรงพยาบาล

เนื่องจากมีอาการเจ็บครรภ์อย่างรุนแรง จึงรีบนำเข้าห้องรอคลอดแต่ไม่สามารถคลอดเองตามปกติได้ เนื่องจากครรภ์ใหญ่โตผิดปกติ ทางคณะแพทย์จึงตัดสินใจทำคลอดโดยวิธีผ่าออก ปรากฏว่าเป็นทารกแฝดเพศหญิงมีลักษณะผิดปกติร่างกายติดกัน จึงนำเข้าห้องบริบาลทารกแรกเกิดชั้น 6 อาคาร 8 ชั้นของโรงพยาบาลเพื่อดูแลช่วยชีวิตอย่างเต็มที่ ส่วน น.ส.รักดาว มารดาของเด็ก ได้ส่งตัวไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วยหลังคลอดชั้น 5 อาคาร 10 ชั้นของโรงพยาบาล 


นพ.ณัฐกรกล่าวต่อไปว่า สำหรับอาการของ น.ส. รักดาว มารดาของทารกแฝดเบื้องต้นอยู่ในขั้นปลอดภัย แต่ยังมีอาการอ่อนเพลียจากการคลอด

แต่สำหรับทารกแฝดทั้งสองทางแพทย์ได้กำชับเจ้าหน้าที่พยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ เนื่องจากทารกแฝดทั้งสองมีปัญหาในเรื่องของระบบทางเดินหายใจ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา ประกอบกับทางโรงพยาบาลไม่สามารถ ที่จะผ่าตัดแยกร่างทารกน้อยออกจากกันได้ ขณะนี้อยู่ ระหว่างประสานไปยังสำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข ช่วยเหลือในการส่งตัวทารกแฝดไปผ่าตัดแยกร่างในโรงพยาบาลที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย


ต่อมาผู้สื่อข่าวเข้าเยี่ยมอาการ น.ส.รักดาว มารดาของทารกแฝดที่ห้องพักฟื้นผู้ป่วยหลังคลอดชั้น 5 อาคาร 10 ชั้น รพ.สมุทรปราการ

พบว่ากำลังนอนพักฟื้นอยู่ที่เตียงคนไข้ 15 โดยมีนายสุชาติ พันพิทักษ์ อายุ 34 ปี ผู้เป็นสามีคอยเฝ้าดูแล น.ส.รักดาว กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้ลูกแฝดแต่ก็สงสารลูกทั้งสองที่เกิดมามีร่างกายติดกัน เมื่อทราบว่าลูกปลอดภัยและแข็งแรงดี ทำให้ใจชื้นและคลายความวิตกกังวล ส่วนการผ่าตัดแยกร่างลูกสาวทั้งสองคนนั้น ตอนนี้ยังคิดอะไรไม่ออก


ด้านนายสุชาติผู้เป็นสามีเปิดเผยว่า ทำงานเป็นพนักงานโรงงานผลิตรองเท้ากีฬายี่ห้อหนึ่ง ย่านแพรกษา จ.สมุทรปราการ ก่อนหน้านี้เคยไปกราบไหว้พระหลวงพ่อโต วัดบางพลีใหญ่ ต.บางพลี อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

ขอพรหลวงพ่อว่าอยากได้ลูกสาวอีกสักคน เพราะก่อนหน้านี้มีลูกสาววัย 8 ขวบคนหนึ่งขณะนี้ได้ส่งไปเรียนหนังสือและพักอาศัยอยู่กับญาติที่ จ.บุรีรัมย์ ต่อมาภรรยาได้ตั้งท้องสังเกตว่าท้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และกินอาหารจุ มั่นใจว่าจะได้ลูกแฝดแน่นอน กระทั่งภรรยาคลอดลูกแฝดก็รู้สึกดีใจแต่ยังเป็นกังวลที่ลูกมีร่างกายติดกัน เพราะลำพังตนเองมีฐานะยากจนทำงานคนเดียวหาเลี้ยงครอบครัว จึงอยากวิงวอนขอเมตตาจิตจากผู้ใจบุญหรือหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยอนุเคราะห์ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแยกร่างของลูกสาว เพื่อให้ลูกพ้นจากทุกข์ทรมานที่ร่างติดกัน 


จากนั้นผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังห้องบริบาลทารกแรกเกิด เพื่อดูอาการของหนูน้อยแฝดสยามรายนี้พบว่าทารกแฝดทั้ง 2 คือ “น้องขิง” และ “น้องข่า” กำลังอยู่ นอนพักผ่อนโดยมีท่อเครื่องหายใจสอดเข้าไปในปากเพื่อช่วยในการหายใจ ส่วนทารกแฝดทั้งคู่รูปร่างจ้ำม่ำ ผิวขาวอมชมพู ริมฝีปากบาง หน้าตาน่ารักน่าชัง มีพยาบาลคอยผู้ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์