เปิดตัวทายาทเศรษฐีอันดับ 1 ของเมืองไทย

'สิ่งที่คุณพ่อพูดเสมอ คือเราต้องทำอะไรในสิ่งที่เป็นตัวเรา ไม่ต้องทำอะไรนอกเหนือจากนั้น ถ้าไม่ถนัดอย่าทำ ทำแต่ในสิ่งที่สบายใจ ทำในสิ่งที่มีความสุข แล้วอันนั้นจะเกิดผลทางบวกและในอนาคตมันจะจับต้องได้ และเราเชื่อว่าหลักคิดนี้ทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน'

ความสำเร็จของ 'เฉลียว  อยู่วิทยา' เจ้าของเครื่องดื่ม   ชูกำลัง 'กระทิงแดง' ในการก้าวสู่ทำเนียบบุคคลที่ร่ำรวยในลำดับที่ 260 ของโลก และเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของไทย

ด้วยมูลค่าสินทรัพย์กว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 260,000 ล้านบาทของเขาเป็นเพียงปลายทาง แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าคือที่มาของความสำเร็จในการนำพาองค์กรผ่านร้อน ผ่านหนาว และสร้างความแข็งแกร่งเทียบชั้นแบรนด์ดังระดับโลก ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา 'ประชาชาติธุรกิจ' มีโอกาสพูดคุยกับ 'ตุ๊กตา' สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา กรรมการบริหาร บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด หนึ่งในทายาทของ 'เฉลียว อยู่วิทยา' ถึงวิธีคิดในการ
บริหารจัดการและขับเคลื่อนองค์กร ที่ทำให้ 'กระทิงแดง' เติบโตอย่างยั่งยืนมาจนทุกวันนี้

'สิ่งที่คุณพ่อ (เฉลียว อยู่วิทยา)  พูดเสมอ คือเราต้องทำอะไรในสิ่งที่เป็นตัวเรา ไม่ต้องทำอะไรนอกเหนือจากนั้น ถ้าไม่ถนัดอย่าทำ ทำแต่ในสิ่งที่สบายใจ ทำในสิ่งที่มีความสุข แล้วอันนั้นจะเกิดผลทางบวกและในอนาคตมันจะจับต้องได้ และเราเชื่อว่าหลักคิดนี้ทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน'

หนึ่งใน 'สิ่งที่เป็นตัวเรา' ในความหมายของ 'สุทธิรัตน์' คือ การทำธุรกิจให้ความสำคัญกับการคืนกำไรกลับสู่สังคม

เป็นวิธีคิดของผู้เป็นพ่อที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และกลายมาเป็นกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนองค์กร โดยมี 'การคืนกำไรสู่สังคม' หนึ่งในวิสัยทัศน์ของบริษัท 'เราเชื่อว่านี่เป็นตัวเรา และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้องค์กรเติบโตและประสบความสำเร็จมาถึงวันนี้ เรื่องนี้เป็นเหมือนดีเอ็นเอของกระทิงแดงซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่แรกเริ่ม เหมือนตอนที่เราไปภาคอีสาน ไปวัดกับคุณพ่อ เราเห็นและรู้สึกมีความสุขกับการให้ พอเรากลับไปเจอครอบครัว เพื่อน เราก็รู้สึกว่าบุญอะไรก็ไม่เท่ากับการที่ทำให้คนอื่นรู้จักให้เหมือนกับเรา และก็เริ่มกระจายออกไป เวลาเรากลับเข้ามาทำงาน ก็เลยเข้ามาเป็นวิสัยทัศน์ ของบริษัท


แม้ว่ากระทิงแดงจะทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้นถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ

มีการนำเรื่องราวเหล่านี้มาจัดระเบียบใหม่ มีฝ่ายกิจกรรมเพื่อสังคมที่มี 'สุทธิรัตน์' เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักและขึ้นเหนือล่องใต้ร่วมกับพนักงานในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมใน  โครงการต่างๆ สุทธิรัตน์' มองว่า 'จะทำอะไรก็ตามมันต้องเริ่มจากใจคนก่อน เราจึงอยากสร้างคนที่ดีเพราะมันยั่งยืนกว่า สมมติว่าเราทำกิจกรรมให้ของไปมันก็จบแค่นั้น แต่ถ้าเราสร้างจิตอาสาหรือสร้างคนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีจิตอาสาและเขาสามารถทำได้ ถ้าเราปลูกฝังตรงนั้นกระทิงแดงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ถ้าเมื่อไหร่เราถอยออกมาจิตอาสา ก็จะยังอยู่ เป็นการปลูกฝังที่ยั่งยืน

'ผลจากสิ่งที่ทำมา ถึงวันนี้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระดับที่พลิกหน้ามือเป็นหลังมือโดยเฉพาะในองค์กรที่เคยมีช่องว่างระหว่าง 'เลือดเก่า' กับ 'เลือดใหม่' ซึ่งเคยเป็นปัญหา

'วันนี้ปัญหาช่องว่างระหว่างคน 2 กลุ่มไม่มีแล้ว เพราะเราทำให้เขาเห็นในเป้าหมายเดียวกัน พอเรามีเป้าหมายที่ชัดว่า ทำเพื่อองค์กร เพื่อสังคม เขาจะเลิกมองการทำอะไรเพื่อตัวเอง และนี่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ในการนำจิตอาสาเข้ามาถ่ายทอดยังพนักงาน โดยกระทิงแดงเปิดโอกาส  ให้พนักงานสามารถลาไปทำงานอาสาสมัครได้โดยไม่คิดเป็นวันลา'


'มากกว่านั้นเราพบว่าพนักงานมีความสุขมากขึ้น เขารู้สึกว่าชีวิตเขามีคุณค่า เขาอาจจะเคยคิดว่า เขาช่วยใครไม่ได้ เมื่อทำได้เขาก็รู้สึกดี เพราะจากตรงนั้น เขาเชื่อมั่นในองค์กรว่า สิ่งที่องค์กรให้จะดีสำหรับเขาเสมอ ทั้งในระดับการทำงานและระดับครอบครัว ก็สร้างคุณภาพชีวิตเขา ก็เชื่อมั่นได้เลยว่า ถ้าอยู่กับกระทิงแดงแล้วเขาจะมีความสุข ฉะนั้นสิ่งที่เขาคืนกลับมาให้องค์กรคือเขาก็จะทำงานทุกอย่างด้วยความเต็มใจด้วยเหมือนกัน จิตอาสาจึงเป็นเครื่องมือบริหารจัดการที่ดีมากสำหรับองค์กร และเป็นความยั่งยืนความสำเร็จจากภายในองค์กร'


วันนี้ 'กระทิงแดง' กำลังขยายผลเรื่อง 'จิตอาสา' ออกสู่สังคม ในโครงการ Red Bull Spirit เชื่อมโยงใจอาสา

เป็นพลังสร้างอนาคตที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยปวารณาตัวในการเป็นสื่อ กลางในการเปิดโอกาสให้ผู้คนที่จิตอาสาเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครในโครงการผ่าน www.redbullspirit.org ผ่านภาคี 9 โครงการ แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถวัดได้เป็นตัวเลข แต่ 'สุทธิรัตน์' เชื่อว่า 'สิ่งต่างๆ ที่ทำในที่สุดมันสามารถวัดได้เป็นคุณภาพชีวิตของสังคม เราต้องการเป็นตัวกลางทำให้เกิดขึ้น เพราะเราเชื่อว่าจิตอาสาเป็นพลังในการเปลี่ยนแปลงโลก เราจะทำไปเรื่อยๆ และทำมันให้ดีที่สุด'

และเป็นอีกหนึ่งการขับเคลื่อน ซึ่งตอกย้ำความเชื่อพื้นฐานที่ว่า 'การทำใน สิ่งดี กรรมดีเหล่านั้นจะส่งผลคืนมาไม่ช้าก็เร็ว' นี่เป็นเบื้องหลังและที่มาความสำเร็จที่เริ่มต้นจากวิธีคิดที่แสนเรียบง่าย ซึ่งนำสู่ความสำเร็จของสินทรัพย์ที่มีมูลค่านับแสนล้านของตระกูล 'อยู่วิทยา'


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์