เปิดชีวิตเด็กแว้น นักเรียน25%ตาย-พิการ

ข้อมูลที่น่าตกใจจากศูนย์นเรนทรพบว่า 25% ของ"เด็กแว้น" ที่เป็น นร. - นศ. ต้องเสียชีวิตในวัยเรียน จากความคึกคะนองซ้อนท้ายเด็กหนุ่มออกซิ่งรถยามค่ำคืน


เมื่อย้อนวันวานผู้สูญเสียเหล่านี้จะคิดอย่างไร สถิติข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่จัดทำโดยศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในแต่ละปีมีเด็กและเยาวชนซึ่งอยู่ในวัยเรียนต้องจบชีวิตไปกว่า 2 หมื่นคน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 25 ของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้มีกลุ่มที่ชื่นชอบแข่งรถจักรยานยนต์บนท้องถนน หรือที่เรียกกันว่าแก๊งเด็กแว้นรวมอยู่ด้วยจำนวนไม่น้อย 
 

"แมน" เด็กหนุ่มวัย 20 ปี อดีตนักศึกษาสถาบันอาชีวศึกษาแห่งหนึ่ง เป็นหนึ่งในเยาวชนที่ประสบอุบัติเหตุ ขณะซิ่งแข่งรถจักรยานยนต์บนถนนหลวงกับเพื่อนร่วมก๊วนเมื่อกลางปี 2548 กระทั่งทุกวันนี้ทุกเช้า "แมน" แทบไม่อยากมองกระจก เพราะไม่อยากเห็นบาดแผลตรงศีรษะที่ได้มาจากรถจักรยานยนต์ล้มคว่ำ

ทุกวันนี้แม้บาดแผลตรงศีรษะแผลนั้นไม่ได้ทำให้"แมน" เจ็บปวดทางกาย แต่มันมีอิทธิพลทำร้ายเด็กหนุ่มทางใจ เพราะแผลนั้นมาพร้อมๆ กับการจากไปของหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขา


แมนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังว่า


กลางดึกคืนวันศุกร์ปลายเดือนกรกฎาคม 2548 หลังจากนำรถจักรยานยนต์ที่ แม่เพิ่งซื้อให้ใหม่ ไปประลองความเร็วกับเพื่อนร่วมกลุ่มที่ถนนพระราม 4 ย่านคลองเตย โดยมี "หนิง" เด็กสาววัย 16 ปี นักเรียนโรงเรียนพาณิชย์แห่งหนึ่งย่านฝั่งธนบุรี ซึ่งคบหาเป็นแฟนกันมาได้เกือบปีนั่งซ้อนท้ายไปด้วย
 

"แมน" บอกว่า คืนนั้นบรรยากาศการแข่งรถของกลุ่มพวกเขาซึ่งมีสมาชิกร่วม 100 คน ไม่ราบรื่น เนื่องจากมีตำรวจ 

ซึ่งในกลุ่มเด็กแว้น เรียกกันว่า "พ่อ" ตั้งด่านสกัดจับหลายจุด  "แมน" และพวกจึงตัดสินใจกลับซอยวุฒากาศ ซึ่งเป็นฐานที่มั่น แต่ขณะที่ขับรถเกาะกลุ่มกันมาถึงบริเวณหน้าตลาดโอ๋เอ๋ ถนนพระราม 2 มีตำรวจตั้งด่านอยู่ กลุ่มของ "แมน" ต่างพยายามบิดคันเร่งเพื่อฝ่าด่านตำรวจ  "แมน" ขับรถอยู่ตรงช่องจราจรกลาง พยายามขับซิกแซกเพื่อหลบหนี โดยไม่ทันระวังตัว จู่ๆ ก็มีกระบองลอยมากระแทกศีรษะอย่างแรง สติของเด็กหนุ่มดับวูบ พร้อมๆ กับรถจักรยานยนต์เสียการทรงตัวล้มคว่ำลงไปกองกับพื้น แมน ล้มกลิ้งสลบคาถนน ไม่ต่างจาก "หนิง" แฟนสาวที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันใหม่ของเขา 


"แมน" สลบไสลไม่ได้สติไปเกือบครึ่งเดือน กะโหลกศีรษะร้าว แพทย์ต้องผ่าตัดช่วยเหลือ 

ซึ่งแมนต้องใช้เวลาในการรักษาตัวจากอุบัติเหตุครั้งนั้นนานร่วม 3 เดือน จึงสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตามปกติ แต่ "หนิง" แฟนสาวเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น แมนบอกว่า หากย้อนเวลากลับได้ เขาคงไม่ไปแข่งรถบนท้องถนน เพราะเกือบเอาชีวิตไปทิ้ง และที่สำคัญเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขาต้องสูญเสีย "หนิง" ไปโดยไม่มีโอกาสจะได้พบเจอกันอีก ทุกวันนี้ทุกครั้งที่เห็นกลุ่มวัยรุ่นซิ่งแข่งรถจักรยานยนต์กันบนท้องถนน มักเกิดคำถามอยู่ในใจ "แมน" เสมอว่าจะแข่งกันไปทำไม
 

ความสูญเสียจากอุบัติเหตุจากการขับขี่จักรยานยนต์ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกรณีของ"แมน" เพียงรายเดียว 

แต่เด็กวัยรุ่นรุ่นราวคราวเดียวกับ "แมน" ต้องสูญเสียชีวิตไปในแต่ละปีจำนวนไม่น้อย และอีกไม่น้อยเช่นกันต้องพิการจากอุบัติเหตุบนท้องถนน บางรายบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนานแรมปี แม้จะกลับมาหายเป็นปกติแต่ก็ต้องสูญเสียโอกาสทางการเรียน หรือโอกาสอื่นๆ ที่จะเข้ามาในช่วงชีวิตที่อยู่ระหว่างการพักฟื้น


ส่วนอีกกรณีเป็นกรณีของเด็กสาว


อย่างกรณีของน้องเอ้ เด็กสาววัย 15 ปี นักเรียนโรงเรียนพาณิชย์ชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเนื่องจากกระดูกกรามหักทั้งสองข้าง ในโรงพยาบาลราชวิถี หลังจากเกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนท้ายรถปิกอัพ เมื่อคืนวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา โดยเหตุเกิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 168 


ทีมข่าว"คม ชัด ลึก" มีโอกาสพูดคุยกับ นางเหรียญดอน เสนาฤทธิ์ อายุ 37 ปี มารดาของเด็กสาว ขณะนั่งรอบุตรสาว อยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดของโรงพยาบาล 

โดยนางเหรียญดอน บอกว่า ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบุตรสาวจะประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรงเช่นนี้ นางเหรียญดอนเล่าว่า ไม่มีโอกาสได้ดูแลบุตรสาวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากต้องไปทำงานอยู่ที่โรงงานเซรามิกแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม เช่นเดียวกับสามีที่ต้องทำงานเหมือนกัน ปล่อยให้บุตรสาวพักอาศัยอยู่กับบุตรชายตามประสาพี่น้องที่หอพักย่านรามคำแหง จะมีโอกาสพูดคุยกันก็ทางโทรศัพท์เท่านั้น


"ทุกครั้งที่โทรศัพท์หาลูก เขาก็บอกว่าอยู่ภายในห้องพักกำลังอ่านหนังสือ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าบุตรสาวจะไปนั่งรถจักรยานยนต์เที่ยวกับเพื่อนกระทั่งเกิดอุบัติเหตุขึ้น ในวันนั้นน้องเอ้บอกว่าจะออกไปซื้อของที่ปากซอยรามคำแหง 168 โดยน้องเอ้นั่งอยู่หน้าสุด โดยมีเพื่อนผู้ชายเป็นคนขับ ขณะที่หลังสุดเป็นเพื่อนซึ่งเป็นสาวประเภทสองอีกคนซ้อนท้าย เมื่อถึงปากซอยมีรถปิกอัพจอดขวางอยู่ เพื่อนชายของน้องเอ้ไม่เห็นจึงชนท้ายอย่างแรง เป็นเหตุให้น้องเอ้บาดเจ็บสาหัส" นางเหรียญดอน กล่าวทั้งน้ำตา


บาดแผลบนใบหน้าของน้องเอ้ยังไม่แน่ชัดว่าจะหายดีหรือไม่ 

ซึ่งนางเหรียญดอน ผู้เป็นแม่ เป็นห่วงบุตรสาวเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเธอบอกว่าทันทีที่บุตรสาวได้รับอนุญาตจากแพทย์ให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้ เธอจะนำบุตรสาวไปอยู่ด้วยที่ จ.นครปฐม และจะดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะกลัวว่าบุตรสาวจะไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ซิ่ง หรือที่ภาษาวัยรุ่นเรียกกันว่า เด็กสก๊อย อีก เนื่องจากเธอคงรับไม่ได้หากบุตรสาวต้องประสบอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ซ้ำสอง
 

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับแมนและน้องเอ้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของเด็กวัยรุ่นไทยที่ต้องสูญเสียจากอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ 

ซึ่งจากการจัดทำสถิติของศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในแต่ละปีมีเด็กและเยาวชนต้องเสียชีวิตไปจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์กว่า 2.5 หมื่นคน โดยนพ.อนุรักษ์ อมรเพชรสถาพร ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์นเรนทร เปิดเผยว่า เมื่อเทียบอัตราส่วนกรณีการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในแต่ละปี พบว่าร้อยละ 25 ของการเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด เกิดขึ้นในหมู่นักเรียนและนักศึกษา ซึ่งอุบัติเหตุดังกล่าวทำให้เด็กวัยรุ่นเหล่านี้ได้รับบาดเจ็บปีละกว่า 1 ล้านคน เสียชีวิตปีละ 13,000 - 25,000 คนเฉลี่ยนาทีละ 1.5-2.9 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เสียชีวิตรวมอยู่ด้วยประมาณ 2,000 คนต่อปี บาดเจ็บสาหัส 20,000 รายต่อปี และ พิการ 9,000 รายต่อปี ซึ่งเด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ขับขี่เองและไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์
 


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์