จับแมวมองลวงม.6เทสต์หน้ากล้องเปลือยในม่านรูด

รวบหนุ่มอ้างตัวเป็นโมเดลลิ่ง ลวงสาว ม.6 เข้าม่านรูด ทำอนาจาร-ฉกทรัพย์

เหยื่อแฉขณะผ่านป้ายรถเมล์ย่านอนุสาวรีย์ชัย ถูกโมเดลลิ่งเก๊เข้ามาแตะไหล่แล้วสะลึมสะลือ พูดจาหว่านล้อมพาขึ้นแท็กซี่เทสต์หน้ากล้องในโรงแรม สุดท้ายรอดหวุดหวิด หลังพี่สาวโทรเข้ามือถือขณะกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม เจ้าตัวปากแข็งยันเป็นโมเดลลิ่งอิสระปั้นดาราจนดังอื้อ ตร.สั่งขยายผลเชื่อทำอนาจารมาแล้วหลายราย ตำรวจกระชากหน้ากากผู้ที่มีพฤติกรรมเป็นภัยสังคมรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 7พฤษภาคม พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.ปดส. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิพนธ์ เจริญผล รอง ผบก.ปดส. พ.ต.อ.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผกก.ฝป.10 บก.ปดส. ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายธรรมณัฐราช ยันสุวิมล หรือชิงโง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ซ.ลาดพร้าว 55 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1610/2551 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2551 ข้อหาพรากผู้เยาว์ไปเพื่อกระทำอนาจารและลักทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าศูนย์การค้าเซ็นจูรี่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. 

การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

มีผู้ปกครองของ น.ส.นุ้ย (นามสมมติ) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งเข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.วิมล ว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ขณะ น.ส.นุ้ยไปเรียนกวดวิชาที่สถาบันกวดวิชาแห่งหนึ่ง ย่านอนุสาวรีย์ฯ เมื่อเดินผ่านป้ายรถประจำทางมีชายคนหนึ่ง รูปร่างสูง ผิวขาว อายุประมาณ 30 ปีเศษ สวมหมวกแก๊ป เดินเข้ามาทำทีใช้มือแตะไหล่พร้อมอ้างว่าชื่อ ชิงโง เป็นแมวมองหานางแบบส่งสังกัดต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปั้นหญิงสาวให้โด่งดังมาแล้วหลายคน เห็นว่าหน้าตาดีจึงอยากปั้นให้เป็นดารานางแบบ
 

น.ส.นุ้ยให้การว่า ระหว่างที่ฟังนายชิงโงพูดชักชวนอยู่นั้นไม่ทราบว่าเป็นอะไร เพราะมีอาการมึนงงคล้ายจะควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงเดินตามไปนั่งคุยต่อในห้างที่อยู่ใกล้ๆ กัน
 
นายชิงโงแนะนำว่าให้หายใจลึกๆ ทำหลายๆ ครั้งเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง จากนั้นก็เริ่มวิจารณ์รูปร่างว่าต้องปรับปรุงแก้ไขส่วนใดบ้างเพื่อให้รูปร่างสมส่วนมากขึ้น นายชิงโงยังอ้างว่ามีวิธีบริหารสัดส่วนสำหรับนักแสดงโดยเฉพาะ และจะพาไปเทสต์หน้ากล้อง แต่จะต้องจ่ายเงินเป็นค่าสมัครเพื่อเรียนวิธีบริหารร่างกายก่อนจำนวน 350 บาท แต่สำหรับตนจะเก็บเพียง 250 บาทเท่านั้น เหยื่อสาวรายนี้บอกว่า หลังจากจ่ายเงินให้แล้ว ปรากฏว่านายชิงโงได้พาขึ้นรถแท็กซี่ อ้างว่าจะพาไปเทสต์หน้ากล้องภายในโรงแรม 28 ย่านถนนวิสุทธิกษัตริย์ ขณะนั้นแทบไม่มีโอกาสปฏิเสธเพราะถูกพูดจาหว่านล้อมต่างๆ นานาจนต้องเออออตามไปโดยปริยาย

เมื่อเข้าไปในห้องพักโรงแรม นายชิงโงสั่งให้ถอดเสื้อผ้าออกให้หมดเพื่อขอดูสัดส่วน จากนั้นก็ตรวจดูสัดส่วนโดยลูบคลำสัดส่วนต่างๆ ของร่างกาย แม้กระทั่งของสงวน

หลังจากตรวจสัดส่วนแล้วได้สั่งให้นอนลงบนเตียงแล้วหลับตา แต่ระหว่างนั้นพี่สาวโทรศัพท์เข้ามา นายชิงโงห้ามไม่ให้รับและให้ปิดโทรศัพท์มือถือ แต่พี่สาวก็ยังโทรเข้ามาอีกหลายครั้ง จึงกลัวว่าพี่สาวจะโกรธที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์ เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรจึงร้องไห้ นักเรียนรายนี้เล่าต่อว่า เมื่อนายชิงโงเห็นว่าร้องไห้อยู่นานจึงหงุดหงิดอารมณ์เสีย บอกว่าถ้าอย่างนั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อน แล้วให้แต่งตัวก่อนจะพาขึ้นรถแท็กซี่กลับมาส่งที่อนุสาวรีย์ชัยฯ โดยนายชิงโงบอกว่าจะติดต่อกลับมา หลังตั้งสติได้แล้วจึงตรวจสอบทรัพย์สินดู พบว่าเงินสดในกระเป๋าหายไป 2,000 บาท เชื่อว่านายชิงโงน่าจะเป็นคนขโมยไปขณะที่อยู่ในโรงแรม เมื่อกลับถึงบ้านผู้ปกครองซักถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น จึงเล่าเรื่องที่เกิดทั้งหมดให้ฟัง เชื่อว่านายชิงโงอาจใช้ยากล่อมประสาทบางชนิดที่คนร้ายนิยมใช้ป้ายหรือแตะตัวเหยื่อ จนทำให้รู้สึกมึนงงควบคุมตัวเองไม่ได้เหมือนที่เคยเป็นข่าว

หลังรับเรื่องร้องเรียนแล้ว พล.ต.ต.วิมล จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้าย

จากการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดภายในห้างที่เกิดเหตุ พบภาพผู้ต้องสงสัยหลายราย เมื่อนำมาให้ผู้เสียหายดูจึงยืนยันว่าเป็นนายธรรมณัฐราช จึงรวบรวมหลักฐานก่อนขออนุมัติหมายจับกุม โดยได้ซ้อนแผนด้วยการให้ผู้เสียหายโทรศัพท์นัดให้ผู้ต้องหามาพบแล้วจับกุม ขณะจับกุมยังพบวัยรุ่นสาวอายุราว 20 ปีคนหนึ่งมาพร้อมกับผู้ต้องหาด้วย ตำรวจจึงแจ้งพฤติการณ์ของผู้ต้องหารายนี้ให้ทราบดังกล่าว

เบื้องต้นจากการตรวจค้นกระเป๋าของผู้ต้องหา พบอัลบั้มภาพหนุ่มสาวหน้าตาดีหลายราย

พร้อมทั้งกระดาษภาพวาดสัดส่วนของดารา นางแบบชื่อดังหลายราย ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นคนปั้นให้โด่งดัง รวมทั้งวิธีการลดสัดส่วนด้วยการบริหารร่างกายแบบแปลกๆ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน สอบสวนนายธรรมณัฐราช อ้างว่ามีอาชีพเป็นโมเดลลิ่งอิสระ ทำหน้าที่เป็นแมวมองหานายแบบ นางแบบ เพื่อส่งให้บริษัทโมเดลลิ่งใหญ่อีกทอดหนึ่ง โดยเมื่อ 7 ปีที่แล้วเคยทำงานอยู่กับบริษัทโมเดลลิ่งใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ตอนหลังแยกตัวออกมาทำเองแต่ไม่ประสบความสำเร็จ และตกต่ำเรื่อยมาจนตอนนี้ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ต้องไปเช่าห้องอยู่เป็นรายสัปดาห์

นายธรรมณัฐราชกล่าวว่า ปกติจะคอยมองหาเด็กวัยรุ่นที่อยากเข้าวงการย่านสยามสแควร์

แต่เคยมีปัญหากับตำรวจท้องที่ จึงย้ายมาหาวัยรุ่นย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ แทน เมื่อเจอเด็กหน้าตาดีก็จะเข้าไปพูดคุยแนะนำตัว ถ้าเด็กสนใจก็จะพาไปเทสต์หน้ากล้องที่โรงแรม แต่เนื่องจากไม่ค่อยมีเงินจึงต้องเลือกใช้สถานที่ของโรงแรมราคาถูกแทนและให้คนที่ชวนมาออกเงินเอง 

"เวลาชวนเด็กสาวไป ไม่ได้ป้ายตัวยาใดๆ เพื่อทำให้เด็กหลงเชื่อหรือคุมสติไม่ได้ มีแต่พูดชักชวนและนำภาพนายแบบนางแบบที่เคยชวนเข้าวงการมาให้ดูเท่านั้น ส่วนการที่ต้องให้ถอดเสื้อผ้าก็เพื่อจะได้มองเห็นสัดส่วน กล้ามเนื้อให้ชัดเจน เพื่อจะได้แนะนำเรื่องการออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อในส่วนที่บกพร่องกระชับมากขึ้น ยืนยันว่าไม่เคยทำอนาจารใดๆ ส่วนผู้เสียหายรายนี้ก็เป็นไปตามขั้นตอนทุกอย่าง คือ ต้องพาไปเทสต์หน้ากล้องเท่านั้น และไม่ได้ล่วงเกินใดๆ ส่วนเงินที่หายก็ไม่ได้เอาไป" นายธรรมณัฐราชให้การ  

นายธรรมณัฐราชยังอ้างด้วยว่า ที่ผ่านมาเคยปลุกปั้นนางแบบให้โด่งดังมาแล้วหลายราย อาทิ  “เจี๊ยบ พิจิตรา" และนายแบบ นางแบบชื่อดังอีกหลายคน

แต่เมื่อถูกถามว่าเป็นใครอีกบ้าง นายธรรมณัฐราชกลับไม่ยอมตอบ บอกแต่เพียงว่ากลัวเขาจะเสื่อมเสียชื่อเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นนายธรรมณัฐราชยังแสดงท่ากายบริหารให้ใบหน้าเล็ก-ใหญ่ด้วยวิธีการแปลกๆ คือ ฉีกปากกว้างเพื่อให้หน้าใหญ่ และหยีตาห่อปากเพื่อให้หน้าเล็ก โดยให้ทำจนกว่าจะเมื่อยกล้ามเนื้อ และทำติดต่อกันไม่เกิน 2 สัปดาห์จะได้ผล อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนไม่เชื่อในคำให้การผู้ต้องหา และเชื่อว่าน่าจะมีผู้เสียหายหลายรายที่เคยตกเป็นหยื่อของผู้ต้องหามาแล้ว ซึ่งได้สอบสวนขยายผลการดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.วิมลกล่าวว่า ขอให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับวัยรุ่นทั่วไปว่า อย่าไปหลงเชื่อคนแปลกหน้าง่ายๆ

ขอให้เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ปกครอง ส่วนยาประเภทดังกล่าวจะมีจริงหรือไม่ยังไม่มีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ แต่ก็ขอให้ระมัดระวังตัวเองให้มาก เพราะไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตามถือว่าเป็นภัยต่อผู้หญิง ส่วนผู้ต้องหารายนี้เชื่อว่าน่าจะเคยกระทำความผิดทำนองนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ดังนั้น หากมีผู้เสียหายรายใดที่เคยตกเป็นเหยื่อก็ขอให้เข้าแจ้งความได้ที่ บก.ปดส.