แพล่มกลางทะเลจมหาย3ชีวิต

เมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 16 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.คุระบุรี จ.พังงา รับแจ้งเหตุแพขนานยนต์ของบริษัทเอกชน ล่มลงห่างจากฝั่งประมาณ 3 ก.ม.


บริเวณหาดทรายขาว ม.1 ต.ทุ่งละออง ต.บางวัน จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อปพร.ตำบลบางวัน ประดาน้ำของหน่วยกู้ภัยโลมา และกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน จำนวนประมาณ 100 คน ออกช่วยเหลือ สามารถช่วยเหลือได้ 2 คน ที่เหลืออีก 3 คนยังสูญหาย

นายประคอง เหมือนวาร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 ม.1 ต.เกาะพระทอง ผู้รอดชีวิต กล่าวว่า

ตนเป็นคนงานรับจ้างขับรถแทรกเตอร์ให้นายจ้าง มาทำงานคราวนี้ได้พาภรรยาชื่อนางดวงพร เพชรสูงเนิน อายุ 40 ปี และหลานสาวคือด.ญ.ศิรินทร์ทิพย์ ณ ตะกั่วทุ่ง อายุ 9 ปีมาด้วย โดยเรือแพมีบังดำ ไม่ทราบชื่อจริง เป็นกัปตัน ออกจากท่าเทียบเรือบ้านทุ่งละอองเวลาประมาณ 23.00 น. เมื่อเรือวิ่งมาได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็รู้สึกว่าทางกราบเรือด้านซ้ายเอียงลง จากนั้นเรือแพก็เอียงจนทั้งรถตัก รถยนต์รวมทั้งหินทรายเทมาอยู่ด้านเดียวกันหมด เรือจึงจมลงอย่างรวดเร็ว กระแสน้ำดูดเอาร่างนางดวงพรและด.ญ.ศิรินทิพย์หลุดจากมือจมหายไป ส่วนตนคว้าถังน้ำที่ลอยอยู่มาเกาะไว้ และเห็นผู้รอดชีวิตอีกคนคือนายวัชรินทร์ ขวัญใจ อายุ 19 ปี อยู่เลขที่ 40/83 บ้านน้ำเค็ม ม.2 ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ลอยคออยู่ จึงได้นำถุงกระสอบมากวักลมเข้าในถุงและมัดปากถุงผูกติดกันลอยไปด้วยกัน จนเวลาประมาณ 05.00 น.จึงมีชาวเรือมาช่วยเอาไว้

นายชาลี เดชแก้ว ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ต.บางวัน กล่าวว่า


เรือลำดังกล่าวเป็นเรือนอกพื้นที่ที่มารับจ้างบรรทุกวัสดุก่อสร้างให้กับหมู่บ้านไลออนส์ ที่สร้างบ้านพักให้กับผู้ประสบภัยสึนามิบนเกาะพระทอง เมื่อตอนที่ลูกเรือกำลังช่วยกันลำเลียงวัสดุก่อสร้างลงเรือนั้นตนได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าไม่เคยมีเรือลำไหนบรรทุกมากขนาดนี้ แต่ลูกเรือไม่ยอมฟังจนเกิดเหตุดังกล่าว

นายวิชัย ไพรสงบ ผวจ.พังงา กล่าวว่า

เรือแพดังกล่าว ปกติจะประจำอยู่ที่บ้านน้ำเค็ม ต.บางม่วง วิ่งระหว่างเกาะคอเขา แต่มาครั้งนี้ได้เปลี่ยนมารับจ้างบรรทุกหินและทราย รถแทรกเตอร์ และรถยนต์กระบะ มีผู้โดยสาร 5 คน วิ่งข้ามฟากจากท่าเทียบเรือบ้านทุ่งละออง ม.4 ต.บางวัน อ.คุระบุรี มุ่งหน้าไปยังเกาะพระทอง ต.เกาะพระทอง เมื่อไปถึงบริเวณหาดทรายขาวม.1 ต.ทุ่งละออง ก็ล่มลง ต่อไปต้องเคร่งครัดกับเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบไม่ให้มีการบรรทุกน้ำหนักเกิน และต้องมีความเข้มงวดในเรื่องการสวมเสื้อชูชีพอย่างจริงจัง หากมีเหตุทำนองนี้ขึ้นมาอีก จะต้องพิจารณาลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรับผิดชอบด้วย

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์