คลั่งร่างทรงแขก-เมียลูกหิ้ว6ล้านไปอินเดีย-ผัวร้องตร.โดนหลอก

"ร้องลูก-เมียโดนหลอกไปอินเดีย อ้างเข้าทรงเข้าถึงพระเจ้าได้"



เสี่ยผลิตอะไหล่รถจักรยานยนต์ร้อง ปดส. ตามหาเมีย-ลูก 3 คน ถูกร่างทรงชาวอินเดียลวงให้คลั่งเทพเจ้า

อ้างจ่ายเงินแสนได้เจอทูตสวรรค์

เมียหลงเชื่อพาลูกหอบเงิน-เครื่องเพชรร่วม 6 ล้านบินตามไปอินเดีย สุดท้ายโทรหาน้องสาวร่ำไห้อยากกลับบ้าน ก่อนถูกตัดสาย หวั่นมีภัย

เหตุเสี่ยเจ้าของบริษัทผลิตอะไหล่รถจักรยานยนต์

เข้าร้องเรียน ปดส.ให้ช่วยตามหาครอบครัวที่ถูกชาวอินเดียปลูกอาศรมใกล้วัดแขก สีลม อ้างตัวเป็นร่างทรง หลอกลวงให้ไปอินเดียพร้อมทรัพย์สินมูลค่าหลายล้าน เปิดเผยเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม

ที่ผ่านมา ได้มี นายเศรษฐา ภูมิปัญจทรัพย์ อายุ 52 ปี นักธุรกิจเจ้าของบริษัทผลิตอะไหล่รถจักรยานยนต์ อยู่บ้านเลขที่ 671/167 ถ.จรัญสนิทวงศ์ แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กทม.

ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.มีชัย ศรุตานันทะ

พนักงานสอบสวน (สบ 3) กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดต่อเด็ก เยาวชน และสตรี (บก.ปดส.) เพื่อร้องเรียนกรณีที่ นางนันทนา ภูมิปัญจทรัพย์ อายุ 45 ปี ภรรยา



พร้อมด้วยบุตรสาวและบุตรชาย 3 คน

คือ น.ส.นวลจุฑา ภูมิปัญจทรัพย์ อายุ 18 ปี น.ส.ณิชารีย์ ภูมิปัญจทรัพย์ อายุ 15 ปี และ ด.ช.ธนธัต ภูมิปัญจทรัพย์ อายุ 10 ปี ได้หายไปจากบ้านพักตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เชื่อว่าทั้งหมดถูกล่อลวงไป

ทั้งนี้ นายเศรษฐาให้การว่า เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา

ภรรยาได้เกิดความศรัทธาต่อเทพเจ้าในศาสนาฮินดู มักเดินทางไปนมัสการเทวรูปศักดิ์สิทธิ์ที่วัดแขก สีลม เขตบางรัก กทม.เป็นประจำ ต่อมาในระยะหลังภรรยาเริ่มมีพฤติการณ์ผิดปกติ

เกิดความศรัทธาอย่างรุนแรงจนต้องกล่าวสรรเสริญ

ถึงเทพเจ้าตลอดเวลา รวมทั้งยังคอยพูดโน้มน้าวให้คนในครอบครัวเกิดความเชื่อในเทพเจ้า และพยายามปลูกฝังความเชื่อดังกล่าวให้แก่ลูกๆ ทั้งสามคนจนทั้งหมดเชื่อตามไปด้วย

สาเหตุที่ทำให้ภรรยาเปลี่ยนไปเป็นเพราะได้

ไปรู้จักกับผู้ชายชาวอินเดียที่เป็นร่างทรง นุ่งขาวห่มขาว ไว้ผมเปีย ทราบชื่อคือนายดาโมดาดาส ที่มีอาศรมอยู่ใกล้กับวัดแขก ซึ่งจะคอยพูดหว่านล้อมให้ผู้ที่ไปกราบไหว้เกิดความเชื่อและศรัทธา

มีการใช้สีแดงเจิมที่หน้าผากให้แก่ผู้ที่นายดาโมดาดาส

อ้างว่าสามารถเป็นร่างทรงได้ และเมื่อเป็นร่างทรงแล้วก็จะสามารถติดต่อกับทูตสวรรค์ได้



นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ภรรยาถูกนายดาโมดาดาส

โน้มน้าวจนทำให้หลงเชื่อว่าสามารถเป็นร่างทรงได้ จึงเดินทางไปหานายดาโมดาดาสที่อาศรมบ่อยครั้ง และระยะหลังมักจะพาลูกทั้งสามคนไปด้วยทุกครั้ง จนทั้งหมดเกิดความศรัทธาหลงเชื่ออย่างรุนแรงจนพฤติการณ์เปลี่ยนไป

เมื่อกลับมาบ้านก็จะไม่พูดจากับใคร

เวลานอนจะนอนตัวแข็งคล้ายคนตาย และยิ่งหนักขึ้นไปอีกคือ นำเงินไปทำบุญผ่านนายดาโมดาดาสหลายครั้ง ครั้งละประมาณ 1-2 แสนบาท โดยอ้างว่า การทำบุญด้วยเงินจำนวนมากจะทำให้เข้าถึงพระเจ้าได้

ส่วนพิธีกรรมการเข้าถึงพระเจ้า

ก็จะต้องสวมผ้านุ่งสีแดง เจิมหน้าผากสีแดง และมีสิ่งของครอบศีรษะเพื่อทำให้เจ้าแม่อุมาเทวีมาเข้าทรง และยังอ้างว่า วิธีการดังกล่าวเป็นเรื่องเฉพาะสำหรับคนที่มีฐานะดีจะทำได้เท่านั้น

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 7 พฤษภาคม

ภรรยามาบอกว่าจะพาลูกทั้งสามคนออกไปเที่ยว ตนไม่ได้เอะใจจึงออกไปทำงานตามปกติ พอช่วงเย็นก็ไม่สามารถติดต่อภรรยาและลูกๆ ได้ จึงออกตามหาไปทั่วแต่ก็ไม่พบ จนวันที่ 8 พฤษภาคม คิดได้ว่าทั้งหมดอาจเดินทางไปต่างประเทศ

จึงโทรศัพท์ไปสอบถามพรรคพวกที่ทำงานอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ

เพื่อให้ช่วยตรวจสอบรายชื่อผู้ที่เดินทางออกนอกประเทศ จึงทราบว่าภรรยาและลูกๆ เดินทางไปประเทศอินเดียแล้ว โดยไปลงที่สนามบินกัลกัตตา แต่ไม่ทราบว่าไปกับใครหรือมีใครมารับ และเมื่อกลับมาตรวจสอบทรัพย์สินในบ้าน



ก็พบว่าเสื้อผ้าภรรยาและลูกทั้งสามคนหายไป

ส่วนทรัพย์สินในตู้เซฟ พบว่าเงินสด 2 ล้านบาท เครื่องเพชรมูลค่าประมาณ 8 แสนบาท ทองคำแท่งน้ำหนัก 200 บาท มูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท และรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีแดง ทะเบียน วฬ 9410 กรุงเทพมหานคร หายไปด้วย

ผมไปถามคนที่วัดแขกก็เลยรู้ว่านายดาโมดาดาสไปต่างประเทศด้วย

เชื่อว่าเขาต้องหลอกเมียกับลูกๆ ผมไปอินเดียแน่ และตั้งแต่หายตัวไปก็ไม่เคยติดต่อกลับมาบ้านอีกเลย จนเมื่อประมาณตีสองวันที่ 14 พฤษภาคม น้องเมียผมมาบอกว่าเมียผมโทรทางไกลมาหา

แต่พูดเสียงสะอึกสะอื้นว่าอยากกลับบ้านแล้ว

ก่อนสายจะหลุดไป จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย ผมกลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับครอบครัวผม จึงไปแจ้งความที่ สน.หนองค้างพลู แต่ผมเป็นห่วงมากเลยต้องมาร้องเรียนที่ ปดส.ให้ช่วยเร่งตามเมียกับลูกผมคืนมา นายเศรษฐา กล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสลด

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้เสียหายไว้

เพื่อเป็นหลักฐาน จากนั้นจะดำเนินการสืบสวนสอบสวนโดยจะเริ่มต้นหาเบาะแสจากรถยนต์ที่หายไป คาดว่าจะติดตามได้ง่ายเนื่องจากอาจจะนำไปจอดไว้ที่สนามบินก่อนจะขึ้นเครื่องบินเดินทางไปอินเดีย ขณะเดียวกันผู้เสียหายได้ประสานไปยังสถานทูตอินเดียประจำประเทศไทยเพื่อให้ช่วยตามหาอีกทาง



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์