สธ.ชี้สารสีม่วงไม่ใช่อาวุธชีวภาพ

สธ.ชี้สารสีม่วงไม่ใช่อาวุธชีวภาพ

"สธ." ชี้สารสีม่วงที่ฉีดพ่นไล่ม็อบ ไม่ใช่อาวุธชีวภาพ แค่ด่างทับทิม ผสมสารโซเดียมโธโอซัลเฟต เทียบน้ำส้มสายชู ทำให้แสบคันระคายเคืองผิวหนัง เยื่อบุตา

วันที่ 3 ธ.ค.56 จากกรณีมีการตั้งข้อสังเกตถึงการใช้สารเคมีสีม่วง

ผสมน้ำฉีดพ่นลงมายังกลุ่มผู้ชุมนุมว่าอาจเป็นอาวุธชีวภาพและผสมแก๊สน้ำตาที่ทำให้ผู้ชุมนุมมีอาการแสบร้อนนั้น  พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.ส่วนสำนักประกอบอาชีพโรคสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับนายสุเมธา วิเชียรเพชร กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่าสารดังกล่าวคือด่างทับทิม หรือสารโปแตสเซียมเปอร์มังกาเนต ที่ใช้ละลายน้ำผสมแช่ผักผลไม้ตามบ้าน โดยนำมาผสมกับสารโซเดียมโธโอซัลเฟต เพื่อให้มีสรรพคุณที่ฉีดพ่นได้ดีขึ้น ทั้งนี้ฤทธิ์ของสารเคมีทั้ง 2 ชนิดเมื่อทำปฏิกิริยากันแล้วทำให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ มีฤทธิ์ระคายเคืองเยื่อบุตา ทางเดินหายใจ และเมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำก็จะกลายเป็นกรดกำมะถันอ่อนๆ เทียบเท่ากับน้ำส้มสายชู จึงทำให้คนที่โดนน้ำสีม่วงมีอาการแสบคันได้
      
เมื่อถามว่า สารเคมีดังกล่าวเข้าข่ายเป็นอาวุธชีวภาพหรือไม่ และต้องขออนุญาติการใช้ปริมาณสารเคมีจากหน่วยงานควบคุมหรือไม่

พญ.ฉันทนา  กล่าวว่า เนื่องจากสารเคมีทั้ง 2 ไม่เข้าข่ายเป็นอาวุธชีวภาพ ตามอนุสัญญาสากลว่าด้วยอาวุธเคมี แต่มีการอนุญาติตามกฎหมายในการควบคุมฝูงชนว่าให้ใช้สารดังกล่าวได้ เพื่อให้เกิดการแยกสีได้ชัดเจนในขณะที่ตัวสารถูกฉีดพ่นไปโดนเสื้อผ้าของผู้ชุมนุม บางรายไม่ได้ล้างน้ำออกทันที จึงมีอาการแสบคันเป็นผืนทั้งตามร่างกาย และดวงตา แต่ไม่ได้เป็นน้ำผสมแก๊สน้ำตาที่มีสภาพเป็นของแข็ง ไม่สามารถนำมาละลายน้ำเพื่อฉีดพ่นได้
      
" ยอมรับว่าหากมีการผสมสารดังกล่าวให้เกิดความเข้มข้นมากก็อาจจะเกิดอันตรายต่อการสัมผัสผิวหนังโดยตรงได้เพราะเข้าข่ายเป็นกรด โดยผู้ชุมนุมสามารถตรวจสอบค่าความเป็นกรดได้ด้วยการใช้กระดาษลิสมัสวัดค่าพีเอช หรือค่าความเป็นกรดด่าง ซึ่งปกติต้องมีค่าไม่น้อยกว่า 6.9-6.5 ถ้ามีฤทธิ์กรดมากกระดาษจะเปลี่ยนเป็นสีส้มจนเกือบแดง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการใช้น้ำด่างทับทิมผสมกับสารโซเดียมโธโอซัลเฟต เพื่อปรามผู้ชุมนุมคงจะไม่มีการผสมสารจนเกินความเข้มข้น กระทั่งมีอันตรายกับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างแน่นอน ทั้งนี้แนะนำว่าหากผู้ชุมนุมโดนน้ำสีม่วงแล้วให้รีบหน้าล้างตาออกด้วยน้ำสะอาดทันที เพื่อลดการระคายเคือง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์