เมียเลิก-ตื้บลูก7ขวบแขวนคอตายหนีผิด

"พ่อคลั่ง กระทืบลูก 7 ขวบ สาหัส ผูกคอดับหนีผิด"


พ่อเกิดอาการคลุ้มคลั่งหนัก หลังเลิกกับเมียมาแรมปี เครียดจัดกระทืบลูกสาวตัวเองวัยแค่ 7 ขวบอาการสาหัส โชคดีญาติช่วยห้ามทัน ก่อนสำนึกผิดผูกคอตายดับคาบ้านหวังไถ่บาป เผยอาการของเหยื่อยังโคม่า บอบช้ำจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง

การทำร้ายลูกด้วยฝีมือพ่อบังเกิดเกล้าครั้งนี้

เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 1 เมษายน พ.ต.ท.ภูษิต รัตนภิรมย์ สาวัตรเวรสอบสวน สภ.ต.เปลี่ยน อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รับแจ้งเหตุมีเด็กถูกทำร้ายและมีคนผูกคอตาย ที่บ้านเลขที่ 8 หมู่ 3 ต.เปลี่ยน อ.สิชล จึงเข้าสอบสวนพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลสิชลและหน่วยกู้ภัยสิชล

ที่เกิดเหตุในบ้านหลังดังกล่าว

พบผู้เสียชีวิตสภาพศพไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงยีนขายาว ผูกคอตายด้วยสายไฟฟ้าห้อยอยู่กับขื่อภายในบ้าน สภาพนัยน์ตาถลน เสียชีวิตมาแล้วราว 3-4 ชม. ทราบชื่อคือ นายแช่ม ใจห้าว อายุ 52 ปี

เจ้าของบ้านเลขที่ดังกล่าว

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ากางเกงยีนของผู้ตายนั้นเปื้อนเลือด แต่ไม่พบบาดแผลใดๆ จากตัวผู้ตาย นอกจากรอยเขียวคล้ำที่ลำคอ

ญาติของนายแช่ม

ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กันได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า นายแช่มเป็นโรคเครียดอย่างรุนแรง หลังจากเลิกรากับภรรยาไปเมื่อปลายปีก่อน โดยอาศัยอยู่กับบุตรสาวเพียงลำพัง ก่อนเกิดเหตุในช่วงเย็นอาการของนายแช่มกำเริบและได้ทุบตีทำร้ายบุตรสาวของตัวเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส



กลุ่มญาติที่ได้ยินเสียง

ต่างก็วิ่งเข้ามาห้ามปรามจนนายแช่มหยุดทำร้ายแล้วจึงช่วยกันนำตัวบุตรสาวของนายแช่มส่งโรงพยาบาลสิชลและต่อมาโรงพยาบาลสิชลได้นำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชเนื่องจากอาการสาหัสมาก

พ.ต.ท.ภูษิต กล่าวว่า

จากการตรวจสอบประวัติพบว่านายแช่มมีโรคเครียดอย่างรุนแรง ซึ่งมีการพบแพทย์และต้องกินยาควบคุมอยู่ตลอดเวลา ก่อนเกิดเหตุเชื่อว่านายแช่มเกิดอาการกำเริบ จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้

จึงทำร้ายบุตรสาวคือ

ด.ญ.นิด (นามสมมติ) เมื่อญาติได้เข้ามาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลไปแล้วนายแช่มคงรู้สึกตัวและเสียใจกับเหตุการณ์ จึงผูกคอตายดังกล่าว

พ.ต.ท.ภูษิต กล่าวอีกว่า

ล่าสุดจากการสอบถามอาการของ ด.ญ.นิด ทราบว่าอาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะถูกพ่อทำร้ายจนศีรษะแตก ร่างกายบอบช้ำอวัยวะภายในได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงเนื่องจากถูกแรงกระแทก ขณะนำตัวส่งโรงพยาบาลนั้นพบว่าอยู่ในอาการหมดสติ

ซึ่งแพทย์ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่

แม้ล่าสุดรู้สึกตัวแล้ว แต่ยังคงต้องดูแลอยู่ในหอผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันแพทย์ยังต้องตรวจอาการทางสมองอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเด็กเอง



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์