ทนายตั้มแจงปมรวยผิดปกติ ใช้ชีวิตหรู-ขู่ฟ้องคนกุเรื่อง


ทนายตั้มแจงปมรวยผิดปกติ ใช้ชีวิตหรู-ขู่ฟ้องคนกุเรื่อง


ทนายตั้มเปิดใจ แจงปมใช้ชีวิตหรู-ที่มาบ้านฝรั่งเศส ขู่ฟ้องคนกุเรื่อง เคลียร์ปมเดือดชูวิทย์ เผยให้ข้อมูลตำรวจแล้วปมถุงเงิน 6 บ้าน

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 3 พ.ค.66 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม แถลงชี้แจงประเด็นข้อสงสัยต่างๆ หลังเจอกระแสโต้กลับจากสังคม ปมการขุดคุ้ยที่เกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย

นายษิทรา กล่าวว่า
ตนจะตอบทุกข้อสงสัยของสังคม รวมถึงเรื่องความร่ำรวยของตัวเองกับงบการเงินบริษัทษิทราลอว์เฟิร์มที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2565 ซึ่งติดลบ ย้อนไปก่อนหน้าที่จะเป็นบริษัทนี้ ตนเคยเปิดบริษัทชื่อวิสด้อมลอว์เฟิร์ม เมื่อปี 2561 เอารายได้และเงินส่วนตัวเข้าบริษัท บางคดีก็ทำให้ฟรี กระทั่งเริ่มทำธุรกิจลอว์เฟิร์มช่วงเม.ย.2565 มียอดรวมรายได้ 22 ล้านบาท แต่ที่ยังไม่เคยเปิดเผย เพราะข้อมูลยังไม่เสร็จ ซึ่งสามารถตรวจสอบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ ส่วนภาษีบุคคลธรรมดาปีที่แล้ว ตนเสียไปหลักล้านบาท ยืนยันยื่นถูกต้อง ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จึงไม่รับเรื่องตนเป็นคดี และส่งเรื่องให้กรมสรรพากรตรวจสอบแทน

นายษิทรา ยังเล่าย้อนกลับไปตอนทำคดีลุงพล ไชยพล วิภา โดยระบุว่าช่วงนั้นไม่มีใครว่าจ้าง ทำให้ต้องใช้เงินเก็บตัวเอง ส่วนมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนที่เป็นเลขาธิการนั้น ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวเรื่องการเงินเลย แต่กลับโดนแฟนคลับลุงพลกล่าวหาว่ามีเงินโอนเข้ามาเป็นแสนเป็นล้านนั้น ยืนยันไม่มี พร้อมเปิดเผยหลักฐานการโอนเงิน ซึ่งแต่ละยอดไม่ถึงหลักหมื่นบาท ยอดเงินรวมในบัญชีของมูลนิธิมีอยู่หลักแสนบาทเท่านั้น

ส่วนประเด็นเรื่องเกี่ยวพันเว็บพนันออนไลน์นั้น ยืนยันไม่รู้จักสารวัตรซัวและเว็บพนันเฮงเกม ยินดีให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ เพราะตัวเองก็ไม่เล่นพนัน

ทนายตั้ม กล่าวว่า
สำหรับความสนิทสนมระหว่างตนกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.นั้น รู้จักกันมาได้ 5 ปีแล้ว เมื่อมีเรื่องอะไรก็จะไปปรึกษา ยืนยันการโพสต์ภาพนั้น ไม่ได้ต้องการอวดอ้างว่าสนิทกับใคร เพราะตนโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวในชื่อลูก ที่มีเพื่อนหลักร้อยคนเท่านั้น และขอโทษรองผบ.ตร.ไปแล้ว

ส่วนประเด็นถุงเงิน 6 ล้านบาทของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์นั้น ตนได้รับข้อมูลตามข้อเท็จจริง แต่เรื่องเงินดิจิทัล 50 ล้านบาทที่โอนให้ลูกชายนายชูวิทย์ ตนเข้าพบตำรวจกองปราบ เพื่อให้ข้อมูลไปแล้ว จากนี้เป็นการสืบสวนของตำรวจ

"ขอพูดเรื่องที่นายชูวิทย์ พูดถึงแจ็ค ที่เป็นญาติตัวเอง เขาเป็นคนขายนกสวยงามและขายนาฬิกา เมื่อใส่ความเขา ทำให้เกิดความเครียด ผมรู้ว่าข้อมูลนี้มาจากญาติแจ็คที่ไม่ชอบกัน อาศัยจังหวะทำลายแจ็ค" นายษิทรากล่าวและว่า สำหรับประเด็นออยศรีนั้น ที่ไม่ให้ขึ้นมา เพราะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับตน และแนะนำว่าควรไปหาหมอ ยืนยันไม่ได้รังเกียจ แต่เขาเคยทำงานกับตนช่วงสั้นๆ เท่านั้น ตนไม่เคยใส่ร้ายอะไรเขา เพราะถ้าพูดถึงก็จะเจ็บอีก ทุกอย่างจะดำเนินการตามกฎหมาย ตนจะไม่ฟ้องประชาชนที่เข้ามาต่อว่าตัวเอง แต่จะฟ้องคนที่กุเรื่องขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นใคร

นายษิทรา ยังพาน.ส.อ้อย ซึ่งเป็นลูกความตัวเองที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศสมาชี้แจงประเด็นขึ้นเครื่องบิน VIP โดยทนายตั้ม เผยว่ารู้จักกับน.ส.อ้อย ตั้งแต่ตอนที่บริจาคเงินซื้อวัคซีนให้คนไทยช่วงโควิดระบาดร่วม 20 ล้านบาท

ส่วนน.ส.อ้อย กล่าวว่า
ตนประกอบธุรกิจทำร้านเบเกอรี่กับแฟน ติดตามทนายตั้มในฐานะแฟนคลับตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว โดยคลิปที่ถูกนำไปเผยแพร่เรื่องการเดินทางขึ้นเครื่องบิน ทนายตั้มไปส่งตนที่สนามบิน และมีตำรวจ 2 นายยืนที่ฟุตปาธ เข้ามาถามทนายตั้มว่าจะไปไหน โดยทนายตั้มบอกว่ามาส่งพี่สาว ก่อนตำรวจจะช่วยยกกระเป๋าให้ ทั้งที่พวกตนปฏิเสธว่าทำเองได้ไปแล้ว ส่วนพนักงานประจำเคาน์เตอร์ต้อนรับก็ยกมือไหว้ทักทายตามหน้าที่เป็นปกติ รวมถึงไม่ได้พาไปแทรกคิวผู้ใด เพราะตนมีตั๋วเดินทางชั้นธุรกิจ ที่จะมีช่องทางพิเศษอยู่แล้ว

น.ส.อ้อย กล่าวว่า
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตนกับทนายตั้มนั้น เจ้าตัวเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย คอยประสานงานกับฝ่ายกฎหมายที่ฝรั่งเศส ที่ผ่านมาตนไม่อยากออกสื่อเพราะไม่อยากเป็นที่จับตาของสังคม จากนี้จะมอบหมายให้ทนายตั้มดำเนินการทางกฎหมายอีกครั้ง หลังมีผู้นำคลิปไปเผยแพร่

ส่วนเรื่องบ้านหรูและคอนโดมิเนียมที่ฝรั่งเศสซึ่งชาวเน็ตจับตามองว่าเป็นของทนายตั้มหรือไม่นั้น น.ส.อ้อย บอกว่า บ้านและคอนโดดังกล่าวเป็นของตนเอง ซึ่งช่วงที่ทนายตั้มมาเที่ยวที่ฝรั่งเศสก็จะให้เขาพาครอบครัวมาอาศัยอยู่ร่วมกับครอบครัวตนด้วย โดยตอนนี้กำลังปรับปรุงคอนโดมิเนียมอยู่ ซึ่งเหตุที่ให้เขามาอยู่นั้นเป็นเพราะรู้สึกเหมือนเป็นน้องตัวเอง เมื่อมีข่าวเช่นนี้ออกมาก็รู้สึกเป็นห่วงด้วย



ทนายตั้มแจงปมรวยผิดปกติ ใช้ชีวิตหรู-ขู่ฟ้องคนกุเรื่อง

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์