ทนายแสบจนมุม ถูกตร.ดักรวบพร้อมสาวคนสนิท หลังถูกศาลออกหมายจับคดีโกงเงินเยียวยาครอบครัวน้องบีม ด.ญ.ขาพิการจากอุบัติเหตุรถชน 5 ล้านบาท เผยสายสืบประกบตามที่กบดาน พอจังหวะเหมาะ เตรียมย้ายที่อยู่ก็บุกรวบทันที เจ้าตัวไหว้ขอโทษครอบครัวน้องบีม อ้างเงินที่โกงมา เอามาใช้ 5 แสน เป็นค่าเรียนปริญญาเอก ส่วนเช็คอีก 35 ใบ อยู่กับเพื่อนสาวคนสนิทอีกคนที่ถูกจับคดียาบ้า แล้วถูกขังอยู่ที่คุกชุมพร ศานิตย์คุมสอบเครียด เตรียมยื่นฝากขัง ค้านประกันตัว
จากกรณีที่น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ อายุ 44 ปี พร้อมด้วย ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม แก้วผ่อง อายุ 14 ปี ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม กรณีที่ถูกนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความอาสา ที่รับว่าความคดีที่ครอบครัวถูกรถชน ในพื้นที่อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2548 จนกระทั่งบริษัทคู่กรณียอมจ่ายเงินเยียวยาเป็นเงิน 5 ล้านบาท ด้วยการสั่งจ่ายเป็นเช็คในชื่อนายพิสิษฐ์ แต่ต่อมาเงินดังกล่าวกลับไม่ถึงมือครอบครัวน้องบีม เมื่อไปแจ้งความดำเนินคดี ก็ถูกร้องขอให้ถอนแจ้งความจนหลงเชื่อ แต่แล้วนายพิสิษฐ์ ก็หายตัวไป จนต้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานหลายแห่ง
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.7 และสส.สน.บางยี่ขัน ร่วมจับกุมนายพิสิษฐ์หรือต้อม สัมมาเลิศ อายุ 59 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดตลิ่งชัน ที่298/2560 ลงวันที่ 11 ก.ค. 2560 ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ร่วมกันฉ้อโกงและสนับสนุนยักยอก โดยเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นผู้มีอาชีพ อันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน และน.ส.ฐิตาภา หรือภัทราวดี สวัสดี อายุ 39 ปี ตามหมายจับจังหวัดตลิ่งชัน ที่300/2560 ลงวันที่ 11 ก.ค. 60 ฐานร่วม กันฉ้อโกงและสนับสนุนยักยอกโดยเป็นผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นผู้มีอาชีพอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน
โดยจับกุมได้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าอาคารซื่อตรงคอนโด ซอยรามอินทรา 125 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐี รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.7 และ พ.ต.อ.อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผกก.สน.บางยี่ขัน นำตัว น.ส.พรทิพย์พร้อมด้วย ด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีมเข้าชี้ตัวนายพิสิษฐ์ ผู้ต้องหา และน.ส.ฐิตาภา หรือภัทรวดี เพื่อนสาวคนสนิท ซึ่งถูกฝ่ายสืบสวน สน.บางยี่ขัน และ ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.7 จับกุมตัว เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา โดยน.ส.พรทิพย์สามารถจดจำและชี้ตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้อย่างแม่นยำ
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 02.50 น. ที่ผ่านมา ตำรวจชุดจับกุมซึ่งเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของนายพิสิษฐ์มาโดยตลอด ทราบว่านายพิสิษฐ์ และน.ส.ฐิตาภา เพื่อนสาวคนสนิท กำลังเก็บข้าวของออกจากที่พักย่านศรีนครินทร์ เพื่อมุ่งหน้าไปแหล่งกบดานใหม่ ที่อาคารซื่อตรงคอนโด ถนนรามอินทรา ซอย 125 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. จึงสะกดรอยติดตามไปจนพบตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย และนำหมายจับเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ที่คอนโดมิเนียมดังกล่าว
จากการสอบถาม นายพิสิษฐ์ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่อ้างว่าไม่ได้ยักยอกเงินทั้งหมดไปแต่อย่างใด หลังจากรับเช็คเยียวยาจากบริษัทประกันภัยมาแล้ว 4 ล้านบาท นายพิสิษฐ์หักค่าดำเนินการว่าความไปเพียง 5 แสนบาทเท่านั้น ส่วนเช็คใบละ 1 แสนบาท 35 ใบ ที่สั่งจ่ายล่วงหน้ามาให้ผู้เสียหาย อยู่กับ น.ส.พรปวีณ์ ชูแก้ว เพื่อนสาวคนสนิทอีกคน ซึ่งขณะนี้ถูกอายัดตัวเนื่องจากโดนจับกุมถูกคุมขังอยู่ในอำนาจศาลจังหวัดชุมพรไปแล้วก่อนหน้านี้
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ขอบคุณทีมงานตำรวจชุดจับกุมที่เฝ้าตามตัว นายพิสิษฐ์ มาโดยตลอด จากนี้จะสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย คือ นายพิสิษฐ์ และน.ส.ฐิตาภา แบบลงลึกต่อไปเพื่อดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด ไม่ให้กลับไปประกอบอาชีพเดิมหรือทำแบบเดิมกับเหยื่อไม่ได้อีก เพราะนอกจากจะถูกจับกุมเป็นผู้ต้องหาแล้ว ขณะนี้ยังถูกลบชื่อจากการเป็นทนายความไปเป็นที่เรียบร้อย" พล.ต.ท. ศานิตย์กล่าว
ขณะที่ น.ส.พรทิพย์กล่าวว่า ขอบคุณตำรวจ สื่อมวลชน และทุกภาคส่วนที่เข้ามาช่วยเหลือตน หลังจากนี้ หากมีโอกาสได้พบนายพิสิษฐ์ ตนก็อยากถามเจ้าตัวว่า ก่อนหน้านี้ที่เคยบอกตนจะช่วยเหลือกันเต็มที่ อยากรู้จริงๆ ว่าช่วยเป็นที่เขาทำกันแบบนี้เหรอ
ด้านด.ญ.ภัทรดา หรือน้องบีม บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ยังมีความฝันอยากเป็นผู้ประกาศข่าวเช่นเดิม โดยหลังจากนี้หากท่านใดมีจิตศรัทธา สามารถช่วยเหลือตนได้ด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาโลตัส รัตนาธิเบศร์ ชื่อบัญชี น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ เลขที่ 582-2-07952-2
ต่อมาเวลา 13.30 น. หลังพล.ต.ท.ศานิตย์ ร่วมกับพนักงานสอบสวนสอบปากคำ นายพิสิษฐ์ และน.ส. ฐิตาภา เปิดโอกาสให้น.ส.พรทิพย์ พร้อมด้วย ด.ญ. ภัทรดา หรือน้องบีม เข้าพูดคุยกับผู้ต้องหาโดยใช้เวลานานประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า จากนี้จะมอบหมายให้ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ ขจรศรีเพชร รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางยี่ขัน ไปสอบปากคำ น.ส.พรปวีณ์ ชูแก้ว อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาเพื่อนสาวคนสนิทอีกคนของนายพิสิษฐ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ในอำนาจศาลจังหวัดชุมพร คดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ยาบ้า 500,000 เม็ด เมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ส่วนนายพิสิษฐ์ และ น.ส.ฐิตาภา นั้นตนคัดค้านการให้ประกันตัว เนื่องจากมีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งในวันที่ 18 ก.ค. จะส่งตัวทั้ง 2 ราย ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน และสั่งการให้ทีมพนักงานสอบสวน เร่งสรุปสำนวนส่งให้อัยการภายในระยะเวลา 12 วัน หรือระยะการฝากขังผัดแรก เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่างของผู้มีอาชีพซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชน แต่กลับมากระทำผิดด้วยการหลอกลวงผู้พิการและ ผู้ไม่รู้กฎหมาย
พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า จากการพูดคุยกับนายพิสิษฐ์ ยอมรับว่าเงิน 5 แสนบาทที่นำไปนั้น นำไปเพื่อเป็นทุนการศึกษาเนื่องจากกำลังเรียนอยู่ในระดับด๊อกเตอร์ และหลังจากนี้จะพยายามประสานญาติพี่น้องให้ช่วยหาเงินมาคืนให้ผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ตนได้ให้ฝ่ายสืบสวนช่วยกันสืบสภาพทรัพย์สินเอาไว้ก่อนแล้ว พบว่าทั้งบ้านและรถของนายพิสิษฐ์ ยังอยู่ระหว่างการผ่อนค่างวด อีกทั้งกำลังพิจารณาว่าจะแจ้งข้อหาดำเนินการกับผู้ให้ที่พักพิงแก่นายพิสิษฐ์ ในช่วงหลบหนีหมายจับด้วยหรือไม่ ถ้าผิดก็จะดำเนินการตามกฎหมายให้เห็นเป็นตัวอย่าง ทว่าตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ไม่อยากระบุไปก่อนว่าคือใคร เดี๋ยวจะกลายเป็นการไปหมิ่นประมาทเขา
น.ส.พรทิพย์กล่าวว่า ทันทีที่ได้พบหน้า นายพิสิษฐ์ เห็นว่าสภาพร่างกายเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ได้ดูดีเหมือนเมื่อก่อนที่เป็นทนายความ นายพิสิษฐ์กล่าวขอโทษและยกมือไหว้ตน แต่ตนยังไม่ได้พูดคุยอะไรด้วยมาก เพราะน้องบีมลูกสาวห้ามเอาไว้ กลัวว่าตนจะใจดีสงสารยอมไว้วางใจนายพิสิษฐ์อีก จากนี้จึงอยากให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนเรื่องของเงินทั้งหมดนั้นตนรู้สึกมีหวังที่จะได้คืนน้อยมาก หากไม่ได้คืนมาจริงๆ ก็จะคิดเข้าข้างตัวเองแบบปลงๆ ไปว่า ไม่เป็นไรมันไม่ใช่เงินของเรา