ด.ญ. อดีตนักร้องประสานเสียงเพลงโฆษณาดัง ประสบอุบัติเหตุจากรถพ่วงจนพิการเดินไม่ได้ สู้คดีแต่กลับถูกทนายความโกงเงินชดเชยสูญเกือบ 5 ล้าน โทรทวงถามเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์หนีหาย ร้องประวีณา แต่เรื่องไม่คืบ
วันที่ 28 มิ.ย. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดชลประทานรังสฤษดิ์ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีหญิงวัยกลางคนมักเข็นรถวิลแชร์ที่มีลูกสาวนั่งตระเวรขายของตามศาลาวัดเพื่อหาเงินเลี้ยงตัวเอง ในแต่ละวัน มีแขกที่มาร่วมในงานศพต่างพากันสงสารช่วยซื้อของจนเป็นที่ทราบกันดีของชาวบ้านใกล้เคียงรวมทั้งพะภิษุสงฆ์จนถึงเด็กวัด เพราะเห็นถึงความรักของผู้เป็นแม่ที่มีต่อลูกและผู้เป็นลูกที่มีต่อแม่
น.ส.พรทิพย์ จันทรัตน์ แม่ที่พา ด.ญ.ภัทรดา แก้วผ่อง หรือน้องบีม อายุ 14 ปี บุตรสาวที่พิการเดินไม่ได้ต้องนั่งรถวิลแชร์ตระเวรขายของ เปิดเผยให้ผู้สื่อข่าวฟัง ว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2548 ตนกับสามีคือนายอรุณรัตน์ แก้วผ่อง พร้อมน้องบีม บุตรสาวได้นั่งรถปิคอัพเพื่อนสามีไปประสบอุบัติเหตุชนกับรถพ่วง 18 ล้อ ที่อำเภอไชยา จ.สุราษฎร์ธานี สามีเสียชีวิตคาที่ ตัวเองบาดเจ็บสาหัส ส่วนน้องบีมกระดูกทับไขสันหลังกลายเป็นคนพิการเดินไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ต้องนั่งอยู่แต่บนรถวิลแชร์
หลังจากนั้นทางครอบครัวได้รับการช่วยเหลือจากนายพิสิษฐ์ สัมมาเลิศ ทนายความที่รับอาสาว่าความให้จนกระทั่งต่อมาปี 2557 นายพิสิษฐ์แจ้งว่าศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีคำพิพากษาให้คู่กรณีจ่ายเงินให้ครอบครัวตนเอง 1 ล้านบาท โดยจะจ่ายให้เป็นงวดๆ งวดละ 40,000 บาท จากนั้นได้นำหนังสือมอบอำนาจมาให้ตนเซ็นโดยอ้างว่าตนเองไม่สะดวกเดินทางตนจึงได้เซ็นให้ไป และได้รับเงินเดือนละ 40,000 บาท เป็นเวลา 7 เดือน ก่อนจะหยุดให้ในเวลาต่อมา เมื่อตนทวงถามนายพิสิษฐ์จะบ่ายเบี่ยงและอ้างว่าทางคู่กรณียังไม่ได้จ่ายมา
ตนเองจึงได้ติดต่อไปที่บริษัทเพื่อสอบถามถึงสาเหตุแต่แล้วก็ต้องแทบช๊อคหัวใจสลายเมื่อทราบว่าทางบริษัทรถพ่วง 18 ล้อ จ่ายเงินค่าเสียหายให้กับครอบครัวตนเองมา 5 ล้านบาทแล้ว โดยมีทนายพิสิษฐ์ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากตนเองมา ตนจึงสอบถามเขาไปเขาก็ยอมรับและบอกว่าจะหาเงินมาใช้พร้อมนำดอกไม้ธูปเทียนมาขอขมา จากนั้นก็เปลี่ยนมือถือและติดต่อไม่ได้อีกเลย ตนเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายก็ไม่รู้ว่าจะไปสู้รบปรบมือกับเขาได้อย่างไร เคยร้องเรียนไปที่สภาทนายความ มูลนิธิประวีณา ศูนย์ดำรงธรรม แต่เรื่องก็เงียบหายไป