จากกรณีเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายฆ่าฝังดินสามเณรปลื้มภายในวัดวังตะวันตก นาน 5 เดือน พร้อมกับมีการตรวจสอบการทำธุระกรรมทางการเงิน เส้นทางการเงินของ น.ส.ปิยฉัตร หรือ บิว และ นายเด่นชัย หรือ อดีตพระเด่นชัย พร้อมพวก ซึ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ตามก็มีเสียงวิพากวิจารณ์ถึงการดำเนินการที่มองว่ามีการยุติการดำเนินการหรือดินินการล่าช้าเพราะเกรงจะกระทบกับวงการสงฆ์ในวงกว้าง ซึ่งเป็นเรื่องมที่น่าเสียดายทั้ง ๆที่ควรใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสของเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก รูปใหม่และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบื้องบน หากไม่ดำเนินการอย่างโปร่งใส่จริงจริง เป็นของเสียของไม่คุ้มกับการตายของ "สามเณรปลื้ม" ตามที่เสนอข่าวไปตามลำดับแล้วนั้น
(13 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าว่า เมื่อวานนี้ (12 มิ.ย.) พระครูพรหมเขตคณารักษ์ เจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก กล่าวว่า อาตมาเพิ่งมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกได้เพียง 4 วัน เท่านั้น จะให้อาตมาพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้อย่างไร จะให้อาตมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างแบบรวดเร็วทันใจทุกคนได้อย่างไร ระยะ 4 วันที่รับตำแหน่ง อาตมาไม่สามารถที่จะรวบรวมหลักฐานการยักยอกทรัพย์ของกลุ่มผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็วและครบถ้วน เพื่อดำเนินการแจ้งความกับเอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาในฐานะผู้เสียหาย เรื่องราวที่เกิดขึ้นสะสมมานานหลายปี จึงเป็นไปได้ยากที่อาตมาจะสามารถรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับการเงินของวัดวังวังตะวันตกทุอย่างได้ในเวลารวดเร็ว
" อาตมาขอเวลารวบรวมหลักฐานให้มีความชัดเจนครบถ้วนมากกว่านี้ ก่อนจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา เพราะหากหลักฐานไม่สมบูรณ์อาจมีผลต่อคดีได้ หรืออาจถูกกลุ่มผู้ต้องหาฟ้องกลับได้ ล่าสุดทางธนาคารยืนยันข้อมูลมาแล้วว่า วัดวังตะวันตก มีบัญชีทั้งหมด 32 บัญชี และทั้ง 32 บัญชี มีเงินเหลือรวมทั้งหมด 1.8 ล้านบาท อาตมายืนยันว่าการตรวจสอบและการรวบรวมทรัพย์สินต่าง ๆ ของวัด รวมทั้งการยักยอกเงินวัด และเงินของพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าอาวาส และการยักยอกทรัพย์สินอื่น ๆ ของวัดวังตะวันตก อาตมาจะดำเนินการต่อไปจนถึงที่สุด"
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าพระเทพสิริโสภณ (ภากร) อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก ซึ่งกลับไปพำนักที่วัดสมอ หมู่ 4 ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบจาก นายสมพงษ์ ส่งเสริม ผู้ดูแล อดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก พร้อมลูกศิษย์และชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่เคารพศรัทธาต่อพระเทพสิริโสภณ ได้ช่วยกันปรนนิบัติดูแลพระเทพสิริโสภณ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาการอาพาธทรุดหนักกว่าเดิม
นายสมพงษ์ ส่งเสริม เปิดเผยว่า ในขณะนี้อาการอาพาทของพระเทพสิริโสภณ อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช และอดีตเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตก อาการป่วยทรุดหนักมากกว่าเดิมมาก จนไม่สามารถเดินออกจากกุฏิได้ ลูกศิษย์ต้องนำอาหารและน้ำถวายฉันท์ที่เตียงนอนภายในกุฏิ โดยก่อนหน้านี้พระเทพสิริโสภณ มีอาการป่วยด้วยโรคชราหลายโรค เช่น โรคเกล็ดเลือดในสมองต่ำ แต่อาการทรุดหนักช่วงปี 2558 หรือช่วงที่ น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว และอดีตพระเด่นชัย เข้ามาดูแลวัด โดยเฉพาะอาการเบลอ พูดจาลิ้นคับปาก วกไปวนมา จับใจความไม่ค่อยได้ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าเกิดจากการกินยาอะหไรเข้าไปหรือเปล่า เนื่องจากก่อนหน้านี้มีเพียง น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว คนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้จัดเตรียมอาหาร และจัดยาให้พระเทพสิริโสภณฉันท์ โดยหลังจากออกจากวัดวังตะวันตก ลูกศิษย์ไปรับกลับมาพำนักที่วัดสมอ และได้นำพระเทพสิริโสภณ ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยให้ทางโรงพยาบาลได้ส่งเลือดของพระเทพสิริโสภณไปตรวจที่โรงพยาบาลรามา กรุงเทพมหานคร เพื่อดูว่ามียาหรือสารพิษอะไรในกระแสเลือดของพระเทพสิริโสภณหรือไม่ โดยจะทราบผลในวันที่ 21 มิ.ย.นี้
พระภิกษุที่เคยเป็นรองเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกรูปหนึ่ง รวมทั้งลูกศิษย์ของพระเทพสิริโสภณ และชาวบ้านทั่วไปเชื่อว่าหลังจากที่ น.ส.ปิยฉัตรหรือบิว และอดีตพระเด่นชัย เข้ามาฮุบอำนาจภายในวัดและเกิดคดีฆ่าสามเณรปลื้มฝังดินกลางวัดวังตะวันตก กลุ่มมาเฟียอิทธิพลกลุ่มนี้ได้วางแผนอย่างแนบเนียนโดยยึดเอกสารหลักฐานของวัด ของพระภิกษุทั้งหมดไปเก็บไว้ที่บ้านของ น.ส.ปิยฉัตรหรือบิว ก่อนให้นายเด่นชัย สามี น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว จะบวชเป็นพระภิกษุ หลังก่อเหตุฆ่าฝังดินสามเณรปลื้มเพียง 20 วัน และประจำอยู่วัดวังตะวันตก เพื่อให้พระเด่นชัย มีโอกาสเข้าไปดูแลบริหารจัดการในวัดย่างใกล้ชิด และมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดวังตะวันตกหลังบวชครบ 5 พรรษา ในระหว่างนี้ น.ส.ปิยฉัตร หรือบิว อาจจะใช้วิธีการใดวิธีการหนึ่งโดยเฉพาะการผสมยาอันตรายทำให้ความจำเสื่อมใส่ในอาหารให้พระเทพสิริโสภณ เจ้าอาวาสฉันท์จนทำให้ร่างกายทรุดโทรมอาพาธหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นมรณภาพ โดยไม่มีใครสงสัยสาเหตุการมรณภาพที่แท้จริง
หลังจากนั้นจึงจะทุ่มเงินวิ่งเต้นให้พระเด่นชัยขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อจากพระเทพสิริโสภณ ซึ่งนับว่าโชคดีที่เรื่องการฆ่าฝังดินสามเณรปลื้มเกิดแดงขึ้นมาเสียก่อน ทำให้ฝันของแก๊งมาเฟียในการฮุบวัดวังตะวันตกเต็ม 100 เปอร์เซนต์ถึงกับสลายไป และมาถูกจับดำเนินคดียกแก๊งดังกล่าว จึงเชื่อว่าการตายของสามเณรปลื้มสามารถช่วยชีวิตจองพระเทพสิริโสภณเอาไว้ได้อีกด้วย โดยในข้อเท็จจริงพระเทพสิริโสภณ ที่ตกเป็นจำเลยสังคม ทั้ง ๆที่เป็นหนึ่งในฐานะผู้เสียหายตัวจริงที่ถูกกลุ่มมาเฟียกระทำในลักษณะต่าง ๆ มาตลอดระยะเวลา 5-6 ปี ลูกศิษย์และชาวบ้านที่เคารพศรัทธาต่อพระเทพสิริโสภณ จึงอยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบในประเด็นดังกล่าวพร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับพระเทพสิริโสภณด้วย