โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ชาวบ้านละแวกวัดรับพฤติกรรมของกลุ่มสีกาบิวไม่ได้ จึงออกมาประท้วงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินคดีกลุ่มสีกาบิว ที่ทำร้ายพระ จนเป็นข่าวดังครึกโครม แต่หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป และกลุ่มสีกาบิวยังมีอำนาจควบคุมทุกอย่างในวัด พระภิกษุและสามเณรในวัด รวมทั้งผู้เช่าแผงพระในวัด ต่างเกรงกลัวอิทธิพล จนไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสีกาบิว และพวก นอกจากนี้พระรูปที่กลุ่มสีกาบิว ทำร้ายร่ายกายได้หายตัวไปอย่างไร้ล่องลอยเช่นกัน
อดีตพระลูกวัดวังตะวันตก กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ในวงการพระและสามเณร มีเสียงเล่าลือกันว่ามีสามเณรจำนวน 2 รูป ได้หายตัวไปอย่างไร้ล่องลอย โดยสามเณร 2 ดังกล่าว คือ สามเณรปลื้มและสหาย แต่ไม่ทราบชื่อสามเณรที่หายตัวไป เนื่องจากวัดวังตะวันตก จะมีสามเณรหลายร้อยรูปมาจากหลายวัดในจังหวัดนครศรีธรรมราช มาจำวัดที่วัดวังตะวันตก เพื่อร่ำเรียน จากนั้นจะสลับหมุนเวียนไปจำวัดต่างๆในจังหวัด สามเณรบางรูปจำวัดประมาณ 15 วัน หรือ 30 วัน แล้วแต่แผนการเรียนของสามเณร ทำให้การหายตัวไปของสามเณร 2 รูป ไม่เป็นที่สงสัย เพราะถือเป็นเรื่องปกติของสามเณรที่บวชเรียน จนมาทราบข่าวพบศพสามเณรปลื้มถูกฆ่าฝังดิน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามเณรปลื้ม
ทั้งนี้ คาดว่าสามเณรปลื้มและสหาย อาจไปล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่างของกลุ่มสีกาบิว สามเณรปลื้ม จึงถูกฆ่าฝังดิน ส่วนสามเณรอีก 1 รูป ที่เป็นสหายของสามเณรปลื้ม และได้หายตัวไปจากวัดวังตะวันตก เวลาไล่เลี่ยกันกับการหายตัวไปของสามเณรปลื้ม แต่ไม่แน่ชัดว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ คาดว่าน่าจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะหากถูกฆ่าคงจะถูกฝังศพที่เดียวกับสามเณรปลื้ม สามเณรคงหลบหนีอยู่ในที่ปลอดภัย ดังนั้นสามเณรสหายที่สนิทสนมกับสามเณรปลื้ม ถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามเณรปลื้ม ก่อนสามเณรปลื้มถูกฆ่าฝังดิน