เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ทหารนำตัว นางมณฑญาณ์ นิรันดร หรือ นางจันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ อายุ 55 ปี มารดา ของ น.ส.พสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ ซินแสโชกุน หรือ ทอมโชกุน พร้อมผู้ต้องหาอีก 7 คน มาส่งมอบให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อสอบปากคำดำเนินคดีฉ้อโกงประชาชน และอั๊งยี่ซ่องโจร โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. พร้อมคณะ ควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การชั้นศาล พร้อมกับยืนยันว่า น.ส.พสิษฐ์ หรือ ซินแสโชกุน ไม่ได้หลอกลวงประชาชน
นางมณฑญาณ์ กล่าวว่า หลังเกิดเรื่องยังไม่ได้ติดต่อกับลูกเลย ไม่รู้ว่าลูกให้การว่าอย่างไรบ้าง ขอยืนยันว่าธุรกิจบริษัทเวลท์เอเวอร์ ที่ทำไม่ใช่เป็นการฉ้อโกง แต่เป็นธุรกิจที่เชิญชวนคนดีและถูกศีลธรรมมาร่วมทำธุรกิจ และไม่ได้คิดว่าทุกคนจะเข้าใจว่าเป็นการเชิญชวนไปเที่ยวญี่ปุ่น ส่วนที่มีคลิปเช่าเครื่องบินเหมาลำไปเที่ยวเชียงรายนั้น เพื่อให้เป็นปฐมฤกษ์ในการทำธุรกิจเช่าเหมาลำของลูก ที่ผ่านมาตนเองเชิญชวนคนมาร่วมธุรกิจแค่ 2 คนเท่านั้น เป็นคนที่ยากลำบากและก็มีการจ่ายส่วนต่างให้ ส่วนเรื่องที่มีบางคนนำภาพขณะที่ไปเที่ยวฮ่องกงและญี่ปุ่นครั้งที่ผ่านมาไปโปรโมทว่าจะมีการเช่าเหมาลำ 2 สายการบินพาไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้น ยืนยันว่าไปได้ติดต่อทั้ง 2 สายการบิน และจะฟ้องกลับคนที่นำไปเผยแพร่ด้วย ซึ่งในวันดังกล่าวที่มีคนไปรอที่สนามบินรู้แต่ว่าเครื่องบินไม่สามารถนำเครื่องมาลงในวันเวลาดังกล่าวได้ ทั้งนี้เรื่องหลักฐานการจองสายการบินและรายชื่อนักธุรกิจจะขอให้การในชั้นศาล
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน ส่วนจะสาวไปถึงนักธุรกิจชาวอ่องกงตามที่กล่าวถึงหรือไม่นั้นจะทำทุกขั้นตอนอย่างละเอียด ถ้ามีความเกี่ยวโยงและหลักฐานไปถึงใครจะดำเนินคดีทุกคนทุกแถวสาย และส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาต่อไป ตอนนี้มีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความแล้ว 360 คน ค่าความเสียหายอยู่ที่ 15 ล้านบาท ส่วนการยึดทรัพย์ของกลาง น.ส.พสิษฐ์ เป็นรถ คอนโดมิเนียม และเงินในบัญชี รวม 15 ล้านบาท